สมาชิกคนที่ 8

สมาชิกคนที่ 8
สมาชิกคนที่ 8

เรื่องนี้เกิดขึ้นที่หนองบัวลำพูน เมื่อ 6 ปีที่แล้ว ตอนนั้นเบียร์ไปสมัครงานเป็นสตาฟที่กอง ทำงานได้ไม่นานก็เริ่มสนิทกับเพื่อนที่ทำงาน  เลยชวนกันจัดงานปาร์ตี้ ในกลุ่มของเบียร์จะมีสมาชิก 7 คน จะชอบเล่าเรื่องผีทุกครั้งที่อยู่ด้วยกัน ในกลุ่มก็จะมีคนกลัวบ้างไม่กลัวบ้าง เข้าเรื่องเลยนะ 

ผ่านไปปีกว่า พวกกลุ่มของเบียร์ก็ว่างพอดี  เลยมานั่งคุยกันว่าจะไปพักผ่อนที่ไหนดี อยู่ๆก็มีคนหนึ่งในกลุ่มบอกว่าให้ไปจังหวัดเลย ทุกคนก็ตกลงและเตรียมตัวไปที่จังหวัดเลย แต่ระหว่างทางที่ไปจังหวัดนั้นทุกคนก็แวะเที่ยว แวะกินกันทุกที่ จนคิดว่าถ้าแวะแบบนี้คงไม่ถึงจุดหมายแน่นอน

เลยตั้งใจจะขับรถกระบะทีเดียวให้ถึงจังหวัดเลยเลย แต่ขับไปได้พักหนึ่ง ก็เริ่มมืดแล้ว ถ้าขับต่ออาจเป็นอันตรายได้ คนในกลุ่มจึงแนะนำให้หาที่พักก่อน พรุ่งนี้เช้าค่อยเดินทางต่อ  เพราะระยะทางที่จะไปจังหวัดเลย ไม่กี่ชั่วโมงก็ถึงแล้ว ทุกคนก็ช่วยกันหาที่พัก จนได้รีสอร์ทแห่งหนึ่ง ห่างออกจากตัวเมืองไป 30 กว่ากิโลเมตร ตอนนั้นเวลาประมาณ 5-6 โมงเย็น 

ทุกคนก็เข้าไปดูในรีสอร์ท สภาพนี้มาก เลยตัดสินใจนอนพักที่นั่นกัน ทุกคนก็ช่วยกกันตั้งเต็นท์และหาของมาย่าง นั่งกินไปเรื่อยๆจนถ่านเริ่มหมด เบียร์เลยอาสาไปหาคนที่ดูแลรีสอร์ท ไปถึงก็เคาะห้อง ปังๆๆๆ เรียก “พี่ครับ” เบียร์เคาะประตูหลายทีแต่ก็ไม่มีใครเปิดประตู จนผ่านไป 10 นาที ก็มีคนถามว่า “นั่นใครครับ” เบียร์ก็บอกว่า “อ๋อผมเป็นกลุ่มที่พักห้องพักอยู่ด้านในครับ จะมาขอซื้อถ่านน่ะ” ตอนที่พี่คนดูแลเปิดประตูออกมา แกทำหน้าเสียแล้วๆพูดว่า “อ๋อที่นี่ไม่มีหรอกครับ แต่เดี๋ยวผมไปซื้อให้ได้นะ” เบียร์ก็เลยยื่นเงินให้พี่เขาไปซื้อ แล้วพี่เขารีบขี่มอเตอร์ไซค์ออกไปทันที 

เบียร์ก็สงสัยว่าทำไมพี่เขาทำตัวแปลกๆ แต่ก็ไม่ได้คิดอะไร เลยเดินกลับไปหาเพื่อนๆ ผ่านไปไม่ทันไรคนในกลุ่มก็เล่าเรื่องผี คุยเรื่องผีกันไปได้สักพัก อยู่ดีๆคนดูแลก็เดินมาพร้อมถุงถ่านที่อยู่ในมือ เพื่อนในกลุ่มของเบียร์คนหนึ่งเลยถามว่า “เออ..พี่ พวกผมกำลังเล่าเรื่องผีอยู่ ที่นี่มีผีป่ะ” 

คนดูแลทำหน้าเจื่อน ๆ แล้วหัวเราะ และพูดว่า “โอ้ย ผมทำงานมา 2-3 ปี ไม่มีอะไรหรอก ถ้ามีก็ไม่กลัวอ่ะ” เพื่อนผมในกลุ่มก็ถามอีกครั้งว่า “เฮ้ยพี่ ถ้ามีก็บอกมาได้นะ” คนดูแลเขาก็ยังยืนยันว่าไม่มี   และเขาก็ขอตัวไปนอน”

แต่แล้วท่าทีของคนดูแลก็เปลี่ยนไปจากตอนแรก หน้าตาตกตะลึง เหงื่อเริ่มไหล เหมือนเห็นอะไรสักอย่าง จากที่จะต้องไปนอนในห้องพักภายในรีสอร์ท คนดูแลเขากลับรีบขี่มอเตอร์ไซค์กลับไปนอนที่บ้านทันที เบียร์ก็แบบว่า “เอาล่ะมันต้องมีอะไรแน่ๆ” แต่ก็ไม่อยากคิดอะไร ทุกคนนั่งกินกันต่อ จนเวลาผ่านไปสักพัก ทุกคนเริ่มง่วง เลยต่างคนต่างพากันนแยกย้ายไปนอน 

เบียร์เข้าไปนอนในห้องได้พักหนึ่งก็ได้ยินเสียงคนเก็บจาน เสียงคนชนแก้ว เบียร์เลยหยิบนาฬิกาขึ้นมาดูเวลา ตอนนั้นเวลาตี 4 เกือบ ตี 5 เบียร์ลุกขึ้นไปดูปรากฏว่าเห็นเพื่อนทั้ง 6 คน ยังนั่งกินกันอยู่ เบียร์เลยถามว่า “เฮ้ย ยังไม่นอนกันอีกหรอ”  เพื่อนก็ให้เหตุผลว่า “ อากาศมันหนาวนอนไม่หลับ” เบียร์ก็โอเค แล้วกลับเข้าไปนอนต่อ 

พอเช้าทุกคนก็มุ่งหน้าสู่จังหวัดเลย ระหว่างทางจนถึงเลยก็เที่ยวกันอย่างสนุกสนาน พอตกเย็นก็หาห้องพัก พอหาที่พักได้ จัดแจ้งเรื่องห้องเสร็จสรรพ ก็มานั่งกินปิ้งย่าง คุยสัพเพเหระกัน อยู่ๆก็มีเพื่อนคนหนึ่งในกลุ่มพูดขึ้นมาว่า เฮ้ย!! เมื่อคืนมีใครเจออะไรป่ะวะ จากเสียงเฮฮากลายเป็นเสียงเงียบกริบทันที 

แล้วเบียร์ก็เริ่มสังเกตว่า  ชุดที่เพื่อนทุกคนใส่นั้น ใส่ตั้งแต่เดินทางออกจาก กทม. จนถึงตอนนี้ยังคงเป็นชุดเดิมอยู่เลย เบียร์ก็คิดว่า เมื่อคืนได้อาบน้ำกันหรือป่าว ไม่เหนียวตัวหรอวะ หรือใส่แล้วสบาย 

ด้วยความสงสัยเบียร์เลยถามว่า “เฮ้ย!! เมื่อวานเกิดอะไรขึ้น” เพื่อนก็เล่าให้ฟังว่า เมื่อวานนั้นเบียร์นอนห้องที่ 1 แล้วเพื่อนอีกคนนอนในห้องที่ 2 อีก 2 คนนอนในห้องที่ 3 รุ่นพี่ในกลุ่มไปนอนท้ายกระบะ ส่วนอีกคนนอนข้างกองไฟ และอีกคนนอนในเต็นท์ 

คนแรกที่นอนในห้องที่ 2 นอนอยู่ดีๆก็ได้ยินเสียงคนกดชักโครก สักพักก็ได้ยินเสียงคนเปิดฝักบัว ตอนแรกนึกว่าเพื่อนเข้าห้องน้ำ แต่นึกดีๆคือจำได้ว่าตัวเองมานอนคนเดียว แล้วอีกอย่างคือ คิดว่าตอนนั้นเพื่อนแกล้งแน่ๆ ก่อนนอนเลยล็อคประตูเอาไว้ ทำให้ไม่มีใครสามารถเข้ามาในห้องได้ สติตอนนั้นก็เริ่มมา จึงตั้งใจฟังดูอีกที ก็ยังได้เสียงชักโครก เสียงฝักบัวอยู่ดี ตอนนั้นคิดแล้วว่า จะออกจากห้องแน่ๆ แต่ก็ไม่กล้าลุก ได้แต่นอนตัวขดบนเตียงด้วยความกลัว ทนฟังเสียงพวกนั้น แล้วอยู่ๆเสียงก็เงียบลง ทุกอย่างเสียบสงัด อุ่นใจได้แค่แป๊บเดียว หายใจยังไม่ทันทั่วท้อง ก็เหมือนมีคนเคาะผนังห้องน้ำเสียงดังตึงๆๆๆ รุนแรงมาก จนประตูแทบพัง แล้วก็เงียบไป สักพักก็เคาะอีกรอบตึงๆๆๆๆ 

จังหวะนั้นคืออยู่ไม่ได้แล้ว จะลุกออกไปจากห้องนี้ให้ได้  แต่ยังไม่ทันจะลุก อยู่ๆก็มีเสียงว่า “ได้ยินใช่ป่ะ” ตอนนั้นสติไม่อยู่กับเนื้อกับตัว ได้แต่คลุมโปง ตัวสั่นดิ๊ก ๆ อยู่บนเตียง 

ถัดไปอีกก็เป็นคนที่นอนด้วยกันสองคน เขาบอกว่าได้ยินเสียงคนเดินบนหลังคา สักพักจะปลุกเพื่อนแต่เห็นเพื่อนยังไม่ได้นอน เลยหันมาถามว่า “ได้ยินใช่ป่ะ!!” ต่างคนต่างพยักหน้า สักพักทั้งสองคนก็รู้สึกตัวว่าบ้านสั่น แต่มาตั้งสติอีกทีปรากฏว่าบ้านไม่ได้สั่น แต่เป็นเตียงที่ทั้งคู่นอนอยู่ต่างห่างล่ะที่สั่น  เหมือนมีคนดิ้นอยู่ใต้ที่นอน  ตอนแรกมันสั่นเบาๆ หรอก แต่พอตัดสินใจว่าจะลุกออกจากที่นอน เตียงมันก็สั่นแรงขึ้นกว่าเดิม สั้นจนที่นอนขยับขึ้นมา ทั้งสองมองอยู่สักพัก เตียงก็หยุดสั่น แล้วก็กลับมาสั่นอีก ทั้งสองคนเลยตัดสินใจว่า “ กูไม่นอนแม่มแล้ว กูจะออกจากห้องนี้” 

แต่จังหวะที่ทั้งคู่จะเดินออกจากห้อง มือขวากำลังจะเปิดประตู อยู่ ๆ ก็มีเสียงดังขึ้นว่า “เฮ้ย เฮ้ย” ซึ่งมันไม่ใช่เสียงของทั้งคู่แน่นอน แล้วเสียงนั้นก็เงียบไป และทั้งสองก็ออกจากห้องทันที

ตัดภาพไปที่อีก 3 คนที่นอนข้างนอก คนที่นอนข้างกองไฟ นอนท้ายกระบะ และนอนในเต็นท์ คนที่นอนท้ายกระบะได้ยินเสียงดังตึกๆๆ เหมือนมีคนกำลังเคาะอะไรสักอย่าง เลยลุกขึ้นมามองหาต้นตอของเสียง มองไปมองมาจนเจอผู้ชายคนหนึ่งนั่งอยู่บนหลังคากระบะฝั่งคนขับ หันหน้าไปทางอื่น เขากำลังนั่งแกว่งขาแล้วขาไปโดนกระจกดังตึก ๆๆๆ

แต่ที่ทำให้ต้องขนลุกคือ ผู้ชายคนนั้นมีแผลเวอะหวะเลือดเต็มตัวไปหมด ตอนนั้นรู้ได้เลยว่าเป็นผีแน่นอน เลยจะคลานไปหาเพื่อนที่อยู่ในเต็นท์ แต่จังหวะที่กำลังคลานไปหาเพื่อนอยู่นั้น ก็สังเกตว่าเพื่อนที่นอนข้างกองไฟ  ก็กำลังคลานมาหาเพื่อนที่นอนในเต็นท์เช่นกัน ทั้งคู่ก็ทำท่าเอามือปิดปาก  ไม่ให้ทักว่าเห็นอะไร

ผู้ชายคนนั้นก็ยังคงนั่งแกว่งเท้าอยู่บนหลังคารถ ทั้งคู่เลยพยายามคลานไปยังเต็นท์ต่อ แต่อยู่ๆก็มีเสียงจากผู้ชายคนนั้นพูดขึ้นมาว่า “จะเข้าเต็นท์หรอ” ทั้งคู่จากที่กำลังคลานอยู่ ก็เปลี่ยนเป็นลุกขึ้นวิ่งเข้าไปในเต็นท์ทันที คนที่นอนในเต็นท์ก็ได้ยินเสียงนั้นเหมือนกัน แล้วอยู่ๆเสียงตึกๆๆ ก็เงียบไป 

1 ใน 3 คนก็ชวนให้รูดซิปเปิดออกไปดูว่าเขาไปหรือยัง พอชะโงกหน้าออกไปดู พบว่าผู้ชายคนนั้นไม่อยู่บนหลังคากระบะแล้ว แต่คราวนี้เขาไปนั่งข้างกล่องไฟแทน แล้วหันหน้ามองมาทางเต็นท์ คนที่เปิดซิป ออกไปดูจึงรีบรูดซิปปิดแล้วกลับเข้ามานั่งเบียดกันในเต็นท์ 3 คน พร้อมกับสวดมนต์ทุกบทเท่าที่จะนึกออก “ถั่วดำถั่วงา”  

ตอนนี้ขอให้ทุกคนจินตนาการว่าเรานอนเต็นท์ เวลาตั้งกองไฟ แล้วจะมีเงากระทบในเต็นท์นะครับ ขณะที่ทั้งสามคนสวดมนต์กันอยู่  เงาที่เป็นนิ้วมือซ้ายของผู้ชายคนนั้น ชู้นิ้วโป้งขึ้นมา  แล้วเขาก็ยกมือขวาขึ้นดึงนิ้วโป้ซ้าย ดึงจนนิ้วโป้งซ้ายสายหลุดออกจากมือซ้าย 

แล้วสภาพคือเห็นเงาที่เป็นเลือดหยดติ๋งๆๆๆ ผู้ชายคนนั้นเอานิ้วโป้งที่หลุดออกมาขว้างใส่เต็นท์ นั่นทำให้ทั้ง 3 คนตกใจมาก สักพักเขาก็ดึงนิ้วอีก แล้วโยนเข้ามาในเต็นท์ แล้วก็หัวเราะ สักพักก็ดึงนิ้วเพิ่มอีก แล้วก็โยนเข้ามาในเต็นท์อีก ดึงจนหมด 5 นิ้ว 

ยังไม่หมดนะ ครั้งสุดท้ายเขายกขาข้างหนึ่งถอดออกมา แล้วเอามันมาขว้างใส่เต็นท์ จังหวะนั้นทั้ง 3 กลัวจนพังเต็นท์ออกมาคนละทิศละทาง ออกมาได้แล้ว ก็พยายามมองหาผู้ชายคนนั้น แต่ก็ไม่เจอ พอมองไปที่เต็นท์ก็ไม่มีรอยเลือดอะไรเลย มีแต่รอยพังเต็นท์ที่ทั้ง 3 คนป็นคนทำ 

เบียร์ฟังแบบนั้นก็ถามว่า “แล้วทำไมไม่ปลุกผม ทำไมไม่บอกว่าที่นี่มันนอนไม่ได้” จริง ๆ ทุกคนในกลุ่มก็อยากเข้าไปปลุกเบียร์ออกมาจากรีสอร์ท แต่จังหวะที่กำลังเก็บของออกมา ก็มีเสียงดังขึ้นว่า “ถ้ามึงออกจากที่นี่ก่อนพระอาทิตย์ขึ้นมึงตาย!!!” ซึ่งทุกคนได้ยินเหมือนกัน ทุกคนเลยจำใจอยู่ที่รีสอร์ทจนพระอาทิตย์ขึ้น ระหว่างรอเช้าเพื่อลดความกลัวบางคนก็ไปจุดบุหรี่บางคนก็กระดกเหล้าย้อมใจ 

แต่ความสยองก็ยังไม่จบ เมื่อทุกคนเห็นผู้ชายคนนั้นไปนั่งอยู่ในรถตรงคนขับ ทำท่าเหมือนขับรถแต่เขาไม่มีนิ้วมือที่จะจับพวงมาลัย แต่ถึงอย่างนั้น ทุกคนในกลุ่มก็ทำอะไรไม่ได้ เพราะไม่รู้จะไปไหน แล้วเขาขู่ไว้ขนาดนั้น เมื่อเบียร์ได้ฟังอย่างนั้น ก็ชวนทุกคนไปทำบุญ แต่เบียร์ก็สงสัยว่าทำไมตัวเองถึงไม่โดนอะไรเลย 

ตัดภาพมาอีกวัน หลังจากทำบุญเสร็จแล้ว ทุกคนก็เอาเรื่องนี้มาเล่าให้หลวงตาฟัง หลวงตาท่านก็ยิ้มแล้วถามว่า “รู้จักเจ้ากรรมนายเวรนะโยม” ท่านก็พูดประมาณว่า “เจ้ากรรมนายเวรก็เป็นผี ผีก็เคยเป็นคนมาก่อน เขามีความรู้สึกนึกคิด ไม่สงสัยกันบ้างหรอ ว่าทั้ง 7 คนรู้จักกันได้ไง ทั้งที่อยู่กันคนละที่คนละทาง   แล้วไปเที่ยวที่เที่ยวก็มีตั้งเยอะมาทำไมที่เลย?” คือจริงๆแล้วเบียร์นั้นไม่เกี่ยวอะไรเลย แต่ทั้ง 6 คนที่เหลือ เกี่ยวข้องด้วยกันทั้งหมด 

เมื่อชาติที่แล้วคนที่เป็นผีเป็นเพื่อนกันกับ 6 คนนี้ อาจจะเป็นคนที่มีหน้าตาเหมือนกัน เกิดวันเดียวกัน ทำอะไรคล้ายๆกัน แล้วที่เจอเพราะพวกเบียร์ขับรถผ่านเขา แล้วเขาจำได้เลยตามมา เขาไม่ได้เป็นผีอยู่ที่รีสอร์ทแห่งนั้นมาแต่แรก 

เบียร์ก็สงสัยว่า “ทำไมเขาถึงเข้ารีสอร์ทได้ ทั้งที่รีสอร์ทก็มีเจ้าที่” หลวงตาท่านก็บอกว่า เพราะว่าเป็นเจ้ากรรมนายเวรไง อะไรก็ขวางไม่ได้ อีกอย่างผีตนนั้นก็ไม่ได้ทำอะไรพวกโยมเลย อยู่ ๆ อีกคนก็พูดขึ้นว่า “แต่เขาขู่ว่าจะเอาให้ถึงตายนะครับ ถ้าพวกผมออกก่อนพระอาทิตย์ขึ้น” 

หลวงตาท่านก็บอกว่า “อ่อเขาไม่ได้เอาให้ถึงตายหรอก แต่ดวงพวกโยมถึงฆาตนะ ถ้าออกไปก็ต้องตาย เขาเลยมาช่วยมาเตือน” (ชาติที่แล้วเบียร์ไม่ได้รู้จักก็เลยไม่เจอ แต่ที่ทั้ง 6 คนเจอเพราะเคยเป็นเพื่อนเขา เขาเลยมาแกล้งอยากรู้ว่าจำเขาได้ไหม แต่ลึกๆเขาก็รู้แหละว่าพวกโยมทั้ง 6 คนจำเขาไม่ได้) 

นับตั้งแต่นั้นมาทุกคนเลยบอกว่า ในกลุ่มเรามีสมาชิก 8 คน และเบียร์เป็นคนที่ 8 ถือว่าเบียร์เป็นน้องใหม่นะ ชื่อเรื่องอาจทำให้ทุกคนสับสน ถ้าคุณคิดว่าสมาชิกคนที่ 8 เป็นผี เราคือพวกเดียวกันที่โดนหลอกตั้งแต่ชื่อเรื่อง …เรื่องราวก็จบเพียงงเท่านี้

Previous articleผีท้องกลม วิญญาณ อาฆาต
Next articleเส้นทางบ้านกันตวง ถนนอาถรรพ์ ที่จังหวัดสุรินทร์