เรื่องนี้ต้องย้อนกลับไปในสมัยที่คุณตูนยังเป็นเด็กวัดอยู่ โดยพ่อแม่ของคุณตูนพาไปฝากพระอาจารย์ท่านนึงที่ตาบอดทั้ง 2 ข้าง ตอนบิณฑบาตตอนเช้า คุณตูนและเพื่อนที่เป็นเด็กวัดอีกคนที่ชื่อว่า จอร์จ ก็จะพายเรือพาพระอาจารย์ไปบิณฑบาตทุกวัน โดยจะมีบ้านที่จะคอยใส่บาตรพระอาจารย์อยู่ 5-6 หลัง และก็มีบ้านหลังนึงเป็นครอบครัว 2 แม่ลูก แม่ชื่อว่ายายศรี มีลูกสาวคนนึง ชื่อว่าป้าแก้ว แต่ว่าทั้งยายศรีและป้าแก้วจะชอบทะเลาะกัน มีปากเสียงกันบ่อย เพราะว่าป้าแก้วจะเป็นคนชอบเที่ยวและรักสนุก ป้าแก้วอายุประมาณ 38-39 ปี แต่ว่าป้าแก้วจะทำตัวเป็นสาวลั้ลลาและเปลี่ยนแฟนไปเรื่อยๆ จนทำให้ยายศรีเอือมระอา พอมีงานวัด ป้าแก้วก็จะไปงานวัด แต่จะแต่งตัวไม่ค่อยสำรวมเท่าไร เว้านู้น เว้านี้ ต่อหน้าคนก็ชมกันเป็นแถว แต่ว่าลับหลัง คนก็ด่าถึงแม่ ว่าแม่ไม่สั่งสอน เข้าวัดเข้าวาทำไมแต่งตัวแบบนี้
ผ่านไป 2 เดือน ยายศรีกินยาเบื่อหนูตาย ตอนนั้นยายศรีก็มีโรงงานผลิตกะปิของตัวเอง ฐานะค่อนข้างดี และมีข่าวซุปซิปกันประมาณว่า เป็นไปได้หรอที่จะฆ่าตัวตาย อีกกระแสก็ว่ากันว่า อีแก้วนั่นแหละที่วางยาฆ่าแม่มัน แต่ก็ไม่มีหลักฐานที่จะดำเนินคดีกับป้าแก้ว หลังจากนั้นโรงงานกะปิก็ยกให้ป้าแก้วเป็นคนบริหาร
อยู่ไป 8-9 เดือน ป้าแก้วก็ไปเจอนายหัวสิบล้อคนนึง อายุ 21-22 แล้วป้าแก้วก็เกิดปิ๊งขึ้นมา และชาวบ้านก็พูดอีกว่า ถ้าอีแก้วหมายตาผู้ชายคนไหน ไม่เคยพลาดซักราย หลังจากนั้นไม่นานป้าแก้วและนายหัวสิบล้อคนนี้ก็อยู่กันด้วยกัน แต่ว่าอยู่ด้วยกันไป 2-3 เดือน อยู่ดี นายหัวคนนี้ก็หายไปแบบไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ย ชาวบ้านแถวนั้นก็พูดกันว่า นายหัวคนนี้มีครอบครัวอยู่แล้ว แล้วเมียหลวงรู้ว่าป้าแก้วทำคุณไสยใส่ ก็เลยไปหาวิธีแก้ จนนายหัวได้สติ ก็หนีกลับไปหาเมียหลวง ป้าแก้วก็รักผู้ชายคนนี้มาก ร้องไห้ฟูมฟายจะเป็นจะตาย สุดท้ายป้าแก้วก็ตัดสินใจกินยาเบื่อหนูตายเหมือนแม่เลย โรงงานกะปิของครอบครัวป้าแก้วก็ปิดตัวลง ญาติๆของป้าแก้วก็มาจัดงานศพให้ ส่วนตัวบ้านนั้นยังอยู่เหมือนเดิม แค่เอาโซ่ล็อคประตูบ้านไว้
ตั้งแต่ป้าแก้วเสียไป ชาวบ้านก็ลือกันว่า ผีป้าแก้วอย่างเฮี้ยน หลอกไม่เลือก และมีอยู่วันนึง หลังจากคุณตูนกลับมาจากโรงเรียน จะต้องเอาปิ่นโตที่บิณฑบาตมาตอนเช้า ไปส่งตามบ้าน บ้านไหนติดถนน คุณตูนและจอร์จจะปั่นจักรยานไป ถ้าบ้านไหนอยู่ติดริมน้ำ ก็จะพายเรือไป
จนคุณตูนและจอร์จพายเรือไปถึงแถวๆบ้านป้าแก้ว แล้วจอร์จก็พูดขึ้นมาว่า ตูน คนเขาร่ำลือกันจังเลยว่าบ้านป้าแก้วนี่ย ป้าแก้วยังอยู่ในบ้านนะ แวะเข้าไปดูกันหน่อยมั๊ย คุณตูนก็ตอบกลับไปว่า โอ้ย จอร์จ มึงจะบ้าหรอ แต่จอร์จก็บอกว่า ดูสักหน่อยไม่ต้องเข้าไปใกล้ๆ ก็ได้
ตอนนั้นคุณตูนพายอยู่หัวเรือ ก็พยายามพายไปทางอื่น แต่จอร์จอยู่ท้ายเรือ สามารถบังคับทิศทางของเรือได้ จึงพายไปทางบ้านป้าแก้ว จนเรือไปหยุดอยู่ที่ใต้ถุนบ้านป้าแก้ว คุณตูนและจอร์จเห็นว่าใต้ถุนบ้านนั้นมีรูที่สามารถมองขึ้นไปในบ้านได้ มันเป็นรูที่เอาไว้ทิ้งเศษข้าวที่เหลือหรือเอาไว้ซักผ้า จอร์จก็เอาหัวลอดเข้าไปในช่องและเรียกคุณตูนไปดูพร้อมกับพูดว่าไม่มีอะไร ทีนี้คุณตูนก็ปีนขึ้นมาดูเหมือนกัน
สิ่งที่เห็นก็คือ ในบ้านป้าแก้วนั้นจะไม่มีห้อง แต่จะเป็นการเอาตู้มากันๆไว้เป็นสัดเป็นส่วน คุณตูนก็กวาดสายตาไปเรื่อยๆ ก็เห็นหิ้งที่ตั้งรูปและอัตฐิของป้าแก้วและยายศรี เลยเริ่มรู้สึกกลัว แต่จะลงก็ลงไม่ได้ เพราะว่าติดหัวจอร์จ แล้วอยู่ดีๆ ตู้ที่ตั้งไว้ก็สั่นเองและล้มตึงลงมา คุณตูนและจอร์จก็ต่างคนต่างจะลง แต่ก็ลงกันไม่ได้ จนสุดท้ายเรือล่มถึงจะหลุดลงมาได้ สภาพทั้งคู่เปียกปอนรีบพายเรือกลับวัดไป
อยู่กันไปซักพักวิญญาณป้าแก้ว เริ่มมีชื่อเสียง จนมีชาวบ้านมาฟ้องพระอาจารย์ว่า ผีอีแก้วมาหลอกหลอน พอตกค่ำ ต้องปิดบ้าน แล้วมารู้กันที่หลังว่า ตอนที่ป้าแก้วเสีย แกท้องได้ 5 อาทิตย์
ชาวบ้านมาฟ้องพระอาจารย์เรื่อย ๆ อยู่ซักประมาณ 3-4 เดือน ยิ่งนานวันยิ่งเพิ่มจำนวนขึ้นเรื่อยๆ พระอาจารย์จะคอยถามคุณตูนตลอดว่า วันนี้วันที่เท่าไร ขึ้นกี่ค่ำ แรมกี่ค่ำ จนมีอยู่คืนนึงพระอาจารย์ก็บอกกับตูนว่า ลุกขึ้นพายเรือให้พระอาจารย์หน่อย ชวนจอร์จไปด้วย คุณตูนก็ถามว่าพระอาจารย์ว่าจะไปไหนครับ พระอาจารย์ก็ตอบว่า ไปบ้านโยมแก้ว คุณตูนก็ตกใจและถามกลับว่า ไปบ้านโยมแก้วจริงหรอครับ พระอาจารย์ก็ตอบว่า ใช่ ไปบ้านโยมแก้ว
ตอนนั้นคุณตูนก็รู้สึกกลัว แต่ว่ายังไงก็มีพระอาจารย์อยู่ คงไม่มีอะไร พอคุณตูนและจอร์จพายเรือพาพระอาจารย์มาถึงบ้านของป้าแก้ว พระอาจารย์ก็ลงจากเรือเหยียบหัวกระไดบ้านป้าแก้ว คุณตูนก็ได้ยินเหมือนมีเสียงคนวิ่งอยู่ในบ้าน พอพระอาจารย์เหยียบเต็มๆทั้ง 2 ขา ไม้กระดานก็ลั่นดัง เปี๊ยะ คุณตูนและจอร์จก็แอบอยู่หลังพระอาจารย์ พระอาจารย์ก็บอกว่าไม่เป็นไร ไม่ต้องกลัว และบอกอีกว่า ไปเปิดบ้านโยมแก้วให้พระอาจารย์หน่อย
บ้านของป้าแก้วนั้นใส่กุญแจไว้ จอร์จก็บอกว่าไม่เป็นไร เราไม่ได้มาขโมยของอยู่แล้ว แล้วจอร์จก็เอาก้อนหินมาทุบกุญแจ แต่ในขณะที่กำลังจะทุบ ด้านในบ้านก็เหมือนว่ามีคนเอาแก้วน้ำปามาที่ประตู คุณตูนมั่นใจว่าเป็นเสียงแก้วแน่นอน จึงวิ่งไปหลบอยู่หลังพระอาจารย์ พระอาจารย์ก็บอกว่าทุบเลยๆ
พอเปิดประตูได้ คุณตูนก็เข้าไปปูอาสนะในบ้านป้าแก้ว แล้วพระอาจารย์ก็เข้าไปนั่งอยู่ในบ้านป้าแก้ว ส่วนคุณตูนและจอร์จนั่งข้างนอกตรงระเบียง ผ่านไปครึ่งชั่วโมงพระอาจารย์ก็ออกมา และพูดว่า ตูน จอร์จ กลับวัด คุณตูนก็ถามพระอาจารย์ว่าเรามาทำอะไรหรอครับ พระอาจารย์ก็บอกว่า มาเทศน์ให้โยมแก้วฟัง แล้วคุณตูนและจอร์จก็พายเรือพาพระอาจารย์กลับวัด
ให้หลังจากคืนแรกไปไม่นาน พระอาจารย์ก็ให้คุณตูนและจอร์จพามาที่บ้านป้าแก้วอีกครั้ง พระอาจารย์บอกกับคุณตูนและจอร์จว่า เรื่องนี้ให้รู้แค่ ตูนกับจอร์จนะ อย่าไปเล่าให้ใครฟังเป็นอันขาด คุณตูนก็ถามอีกว่า ทำไมถึงจะต้องดูฤกษ์ ดูยามก่อนที่จะมา พระอาจารย์ก็บอกว่า ผีโยมแก้ว ไม่ใช่ผีธรรมดา ตายด้วยแรงอาฆาตแค้น เพราะฉะนั้น จะต้องดูวันที่โยมแก้วพลังอ่อนที่สุด เขาถึงจะฟังเรา ครั้งนี้พระอาจารย์เข้าไปเทศน์ในบ้านป้าแก้วอยู่ชั่วโมงนึง แล้วก็กลับ และพระอาจารย์ก็บอกว่าโยมแก้วดื้อ
จนมาถึงครั้งที่ 3 รอบนี้เหมือนพระอาจารย์จะจัดชุดใหญ่ พระอาจารย์ท่านสั่งให้คุณตูนเตรียมขันน้ำมนต์ เทียน 1 เล่ม ผ้าขาวบาง 1 ผืน และให้จอร์จหยิบลูกหินที่อยู่หน้าวิหารที่เป็นก้อนกลมๆเล็กๆมาลูกนึง แล้วก็พาพระอาจารย์ไปที่บ้านป้าแก้วอีกครั้งนึง พอมาถึงที่บ้าน ก็เหมือนเดิม คุณตูนก็เข้าไปปูอาสนะ ไว้ที่กลางบ้าน พระอาจารย์ก็ให้เอาขันน้ำมนต์มาตั้ง จุดเทียน ปูผ้าขาวบางวางลงบนพื้นแล้วก็เอาก้อนหินวางไว้บนผ้าอีกทีนึง พระอาจารย์ก็ทำพิธีไปประมาณ 1 ชั่วโมง ก็เรียกตูนกับจอร์จมาเก็บของ จอร์จก็เดินเข้าไปเก็บก่อน เก็บอาสนะ ขันน้ำมนต์ เทียน เหลือห่อผ้าไว้ให้คุณตูนเก็บ คุณตูนก็เข้าไปเก็บแบบมือสั่นๆ แล้วก็ลงเรือไป แล้วพระอาจารย์ ก็ถามว่า ใครเป็นคนถือห่อผ้า จอร์จก็บอกว่าตูนเป็นคนถือครับ
พระอาจารย์บอกต่อว่า ตูน ถือดีๆนะ ตอนขึ้นบนธรณีวัด อย่าให้ตกลงมาเป็นอันขาด พอคุณตูนได้ยิน จากที่มือสั่นอยู่แล้วก็สั่นเข้าไปอีก และก็มีความรู้สึกว่าเหมือนมีอะไรวิ่งอยู่ในห่อผ้า ไปซ๊ายทีขวาที และคุณตูนก็มีข้อข้องใจอยู่เรื่องนึง ยังไงคืนนี้ก็ต้องถามให้ได้ เลยถามพระอาจารย์ไปว่า พระอาจารย์ครับ ผมถามจริงๆ ที่ชาวบ้านเขาพูดกัน ที่ว่าป้าแก้วเป็นคนวางยาฆ่าแม่แก มันเป็นเรื่องจริงมั๊ยครับ พระอาจารย์ก็ตอบว่า นัตถิ กัมมัง สมะ พลัง แรงใดในโลกก็แล้วแต่ จะเสมอด้วยแรงกรรมนั้นไม่มีแล้ว ความหมายของประโยคนี้ก็คือ ที่ป้าแก้วกินยาฆ่าตัวตายเหมือนที่ยายศรีกินนั้นเป็นเวรเป็นกรรม พอคุณตูนได้ยินที่พระอาจารย์ตอบมาก็มั่นใจว่าชัวร์แล้วที่ ป้าแก้ววางยาฆ่ายายศรี แต่ว่าพระอาจารย์พยายามที่จะตอบบ่ายเบี่ยง
พอกลับถึงวัด พระอาจารย์ก็บอกให้คุณตูนเอาอัตฐินี้ไปไว้รวมกับอัตฐิของศพไม่มีญาติ ไว้ที่บนหอฉันหลังเก่า คุณตูนก็เอาไปเก็บไว้ที่นั่น ก็ผ่านไปได้ด้วยดี ให้หลังไป 3-4 วัน คุณตูนเห็นคนขายเขียงเร่มาที่วัด ปกติคนขายเขียงเร่ ส่วนมากเขาไม่นอนปั้มก็นอนที่วัด คนขายเขียงเร่ชุดนี้เคยมาที่วัดนี้ ปีนึง 2-3 ครั้ง แล้วก็ไปนอนตรงที่ศพไม่มีญาติ แต่คุณตูนเพิ่งนึกขึ้นได้ว่า วันก่อนเอาวิญญาญป้าแก้วไปไว้ที่นี่นี่หว่า ก็เลยเดินไปบอกพระอาจารย์ พระอาจารย์ก็เลยบอกว่าให้มานอน ที่โรงฉันหลังใหม่ วานไปบอกให้หน่อย
ตอนนั้นก็มืดแล้ว คุณตูนเลยชวนจอร์จเดินไปเป็นเพื่อน ถือไฟฉายกันคนละกระบอก เดินไปถึงศาลาก็แปลกใจว่าทำไมมันเงียบจัง และก็ไม่มีคนขายเขียงเร่อยู่แล้ว อย่างน้อยๆ ก็น่าจะต้องมานมัสการพระอาจารย์ก่อน คุณตูนก็คิว่าคงโดนผีป้าแก้วหลอกเข้าให้แล้ว คุณตูนและจอร์จก็เดินเลี่ยงๆลงมา จะมีศาลาไม้อยู่ทางด้านขวา ต้นมะขามเทศอยู่ด้านซ๊าย และกิ่งของต้นมะขามเทศก็จะเอียงลงมาที่ศาลาไม้หลังนี้ จนเป็นทางเดินตรงกลางคล้ายๆอุโมงค์
ระหว่างที่เดินไป ได้ยินเสียง เหมือนคนวิ่ง จอร์จเลยหันกลับไปมอง เห็นเป็นร่างของป้าแก้วปีนขึ้นมาบนเสาไม้ และก็คลานขึ้นไปบนขื่อ แล้วมาหยุดตรงหน้าตูนกะจอร์จ แต่ลักษณะที่เห็นคือ แกเดิน 4 ขา ผมไม่มี ตัวมีขนเหมือนกับลิง หูไปอยู่ตรงใต้คาง ปากเล็กนิดเดียว เหมือนเด็กเกิดใหม่ ตาแดงกล่ำ และร่างของป้าแก้วก็กระโดดข้ามไปฝั่งต้นมะขามเทศแล้วก็รูดลงมา และนั่งยองๆ แบมือทั้ง 2 ข้างมาที่คุณตูนและจอร์จ เท่านั้นแหละ ทั้ง 2 คนก็ต่างคนต่างวิ่ง ทิ้งรองเท้า กลับไปที่นอน นอนคลุมโปงคุยกัน จอร์จก็ถามว่า เมื่อกี้เป็นผีป้าแก้วหรือเปล่า คุณตูนก็บอกว่า ใช่ ผีป้าแก้วแน่นอน แต่ที่เห็นเป็นเหมือนอสุรกายหรือเปรตไปเลย แล้วก็มาแบมือขอส่วนบุญยังไงอย่างงั้น
ตอนเช้าก็มาเล่าให้พระอาจารย์ฟัง พระอาจารย์ก็บอกว่า อย่าไปถือโยมแก้วเลย แกเป็นคนที่บาปหนัก โยมแก้วแกตายก่อนถึงอายุขัย สาเหตุก็คือเวรกรรมมาตัดอายุไขซะก่อน แล้วพอถึงอายุไขของโยมแก้วแล้ว แกจะต้องไปรับทุกข์ทรมารต่อใน อเวจีมหานรก เป็นนรก ขุมที่ฆ่าพ่อฆ่าแม่ ฆ่าพระสงฆ์
พอพระอาจารย์พูดแบบนี้ก็ชัดเจนแล้วว่า ป้าแก้ววางยาฆ่ายายศรีแน่นอน และพระอาจารย์พูดต่ออีกว่า ไม่ต้องถึงฆ่าพ่อ ฆ่าแม่หรอกแค่ทำให้พ่อแม่เสียน้ำตาออกมาก็ถือว่าเป็นบาปหนักหนาแล้ว ตอนเช้าหลังจากที่พายเรือพาพระอาจารย์ไปบิณฑบาตเสร็จ คุณตูนก็จัดธูปจัดเทียน แล้วกลับบ้านไปยกมือไหว้ ขอขมาแม่ที่เคยเถียงท่าน ทำให้ท่านน้ำตาไหล ตั้งแต่นั้นมาคุณตูนก็ไม่เคยเถียงพ่อแม่อีกเลย
รวมเรื่องน่ากลัว The Shock คุณตูน