ผมเป็นคนกรุงเทพแต่แม่เป็นคนสุรินทร์ ซึ่งนานๆทีผมจะกลับไปครับ หมู่บ้านที่แม่อยู่คือ หมู่บ้านปราสาทเบง ตำบลกาบเชิง อำเภอกาบเชิงครับ ซึ่งเป็นหมู่บ้านใหญ่แต่อยู่ด้านใน เวลาจะออกไปตำบลจะมีถนนอยู่สองเส้น คือเส้นผ่านบ้านศรีประจันทร์ทางด้านหน้าหมู่บ้าน หรือเส้นบ้านกันตวงทางด้านหลังหมู่บ้าน ดูตามรูปประกอบจากดาวเทียมได้ครับ

ซึ่งถนนไปทางบ้านศรีประจันทร์นั้นจะเก่ากว่าทางไม่ดี ขรุขระ โค้งเยอะ มีแต่ป่า แต่ที่อาถรรพ์ก็คือทางบ้านกันตวงครับ เส้นทางค่อนข้างดี โค้งไม่เยอะ ใกล้กว่า แต่พอตกค่ำแทบจะไม่มีคนใช้ครับ ยกเว้นพวกคนแกร่งกล้าจริงๆ มันอาถรรพ์ยังไงหน่ะหรอ หลายเรื่องครับ ทั้งที่ผมเจอเอง และฟังเขาเล่ามา ซึ่งเมื่ออาทิตย์ที่แล้วผมก็เพิ่งเสียเพื่อนไปจากถนนอาถรรพ์รุนแรงเส้นนี้ เล่าเลยนะ
เรื่องแรกเลยโดนกับพ่อของผม พ่อได้ขับรถจากกรุงเทพไปกับแม่ อาและผมไปเที่ยวกัน และก่อนเข้าบ้านที่สุรินทร์พวกพ่อได้แวะซื้อของที่ตำบลครับ แล้วคุณพ่อได้บอกอาว่า ขับให้หน่อยเมื่อยไปทางเส้นกันตวงนี่แหละ แต่พ่อไม่บอกเรื่องอาถรรพ์นี้กับอานะครับ พออาขับได้สักพัก ถึงกลางทางจะมีสะพานสั้นๆข้ามห้วยเล็กๆ ซึ่งความสูงปกติทำให้ไม่ต้องลดความเร็ว จำได้ติดตาเลยครับ ผมมองไปกระจกหน้ารถเห็นควัน ควันแบบเขาเผานาหน่ะครับ ผมก็ไม่ได้เอะใจว่าควันอะไร นึกว่าเขาเผานากันก็ขับปกติ ถนนข้างหน้าก็มองเห็นชัดอยู่ อาจึงขับไปไม่ได้สนใจอะไร พอสุดสะพานเท่านั้นแหละครับ
ชนตู้มสนั่นเลย มอเตอร์ไซค์มีชาวบ้านสองคน เสียชีวิตคาที่ ศพกระเด็นไปตกที่ลำห้วยคนนึง อีกคนนึงอยู่ข้างทาง มอเตอร์ไซค์ไฟท้ายยังติดอยู่ แต่ตอนอาขับมา ผมมองกระจก ผมไม่เห็นไฟหรือได้ยินเสียงอะไรเลย นอกจากควัน
ตอนนั้นพวกเราทั้งหมดตกใจมาก จึงได้โทรบอกคนในหมู่บ้าน ตอนนั้นวังเวงมากครับ ได้ยินเสียงนกร้อง ร้องแบบเหมือนคนโหยหวน วี๊ดยาวๆ มองไปทางไหนก็ป่า ไฟทางก็พอมีแต่สลัวเหลือเกิน สักพักก็มีกู้ภัยและตามด้วยชาวบ้านมา ซึ่งทางเราก็ได้เล่าให้ฟังโดยละเอียดและยินดีชดใช้ค่าเสียหาย น่าแปลกนะครับ พอเขาได้ยินเรื่อง เขาก็ไม่คิดจะเอาความหรือโกรธเคืองอะไรมากมาย แล้วก็ตกลงเคลียร์กันได้ในที่สุด
ยังไม่พอ ขากลับหลังจากจบเรื่อง พ่อผมตัดสินใจกลับเส้นนี้อีก พ่อเป็นคนไม่กลัวอะไรครับ พอขับพ้นหมู่บ้านสักพักเราก็ได้ยินเสียงตึ้งๆ ตึ้งๆ บนหลังคารถ แล้วข้างหลังก็เหมือนมีคนมาขย่ม ตอนแรกเราคิดในแง่ดีกันว่าถนนอาจจะเป็นหลุมเป็นบ่อ แต่สังเกตทางดีๆ มันเรียบครับ พ่อผมจอดเลย แม่ก็ร้องจะทำอะไรหน่ะ ผมมองแค๊ปหลังกระบะผ่านกระจกหลัง เห็นเหมือนรอยเท้าคนที่เหยียบโคลนมาจางๆเต็มเลย แล้วที่กระจกก็เป็นฝ้าจากละอองน้ำเหมือนรอยมือคนเลยครับ เสียดายสมัยนั้นมือถือไม่มีกล้องถ่ายรูป
แล้วพ่อได้ลงไปตะโกนชี้มือด่าครับ ด่าอะไรผมไม่รู้เรื่องตอนนั้นกลัวกันมาก แล้วก็กลับมาขึ้นรถ ขับไปปกติ แล้วเสียงต่างๆก็เงียบไป
แต่พอใกล้ๆสุดถนนพ่อเริ่มปวดแขน แต่ยังฝืนขับไปเรื่อยๆจนถึงบุรีรัมย์พ่อเริ่มแขนบวมและปวดมาก บวมแดงเหมือนผึ้งทั้งรังรุมต่อย แม่จะให้แวะโรงพยาบาล แต่พ่อบอกกลับกรุงเทพไปหาโกสุม ป้าโกสุมแกเป็นเหมือนคนทรงครับ เหมือนพราหมณ์ทำพิธี ตอนนี้จะเจอแกได้ที่วัดบางเตยในวันพระ อาเลยขับแทน ขับเร็วมาก สี่ห้าชั่วโมงต่อมาก็ถึงกรุงเทพ แล้วไปบ้านป้าโกสุมทันที ไปถึงแกรออยู่เลย แกเรียกพ่อ
“มาถึงแล้วนะมึงไอ้ปากดี มึงรีบเข้ามา ก่อนจะตายห่า”
แล้วพ่อก็เข้าไปกับป้าโกสุม แล้วป้าก็ให้แม่ อาและผมกลับบ้านก่อน บอกพ่อต้องรักษาสักสามวัน พอพ่อกลับมาก็ไม่ยอมเล่าอะไรเลย แกคงคิดว่าไม่อยากให้ผมกลัว เพราะพ่อสอนเสมอว่าผีไม่มีในโลก
ต่อมาเป็นเรื่องของผู้หญิงวัยรุ่นในหมู่บ้านสองคน ผมจำชื่อไม่ได้แล้วเอาเป็นว่าเอกับบี เรื่องนี้ผมฟังจากน้ามาอีกทีหนึ่ง เรื่องนี้มีพยานรอดชีวิตมาเล่าด้วยนะ เรื่องมีอยู่ว่าทั้งสองคนไปตลาดช่องจอมและไปหาแฟน กลับมาประมาณหนึ่งทุ่มแล้ว บ้านทั้งสองคนอยู่ทางท้ายหมู่บ้าน จึงไม่อยากอ้อมเลยใช้เส้นศรีประจันทร์ เอเป็นคนขับ บีเป็นคนซ้อน ขับมาตามทางปกติ ก็เร็วพอสมควรตามที่บีบอก เพราะถนนโล่งขับง่าย จะมีช่วงหนึ่งที่ไฟถนนเสีย แทนที่จะชะลอเอก็กลับรีบขับให้พ้นๆ แต่จังหวะนั้นหล่ะในความมืด ทั้งคู่เห็นควาย ควายเต็มถนน เอจึงหักหลบไปชนต้นไม้ตายคาที่ ส่วนบีบาดเจ็บแต่ยังพอโทรศัพท์ขอความช่วยเหลือได้ พอชาวบ้านมาก็เล่าเรื่องให้ฟัง ตอนนั้นทุกคนงงไปหมด ควายที่ไหน ใครจะมาปล่อยควายมืดๆอย่างนี้ เขาเอาใส่คอกกันหมดแล้ว และแล้วก็เป็นเรื่องลึกลับอีกเช่นเคย
มาถึงเรื่องของผมบ้าง ผมไปเที่ยวบ้านยานที่สุรินทร์ แล้วผมเป็นคนไม่ค่อยกลัวอะไร ตอนนั้นกลางวันด้วย ผมจึงเอามอเตอร์ไซค์เวฟของลุง จะไปซื้อของกินในตำบล ก็เลยเลือกไปเส้นกันตวง ขี้เกียจไปทางบ้านศรีประจันทร์เพราะทางไม่ดี ขาไปรถกระตุกสั่นๆนึกว่าน้ำมันหมด ดูที่เกจ์ก็ไม่หมดนี่หว่า
ขับไปจนถึงตำบลในที่สุด ขากลับผ่านโค้ง มันไม่ได้โค้งมากแต่โค้งยาว มันน่าแปลกตรงที่ผมเข้าโค้งไม่พ้น ทั้ง ๆ ที่ขับมาแค่ 70-80 ความรู้สึกตอนนั้นแบบ ข้างทางก็หนองน้ำ เอี้ยวตัวเท่าไหร่ก็เหมือนจะหลุดโค้งไปเรื่อยๆ เบรคหลังก็ไม่ยอมชะลอจะกดเบรคหน้าแรงๆรถก็คว่ำแน่
ใจผมตอนนั้นไม่รู้ตัวเลยว่าทำไมไม่ปล่อยคันเร่ง แถมภาพที่เห็นเบื้องหน้าหนองน้ำมันใกล้เข้ามาเรื่อยๆ ผมตั้งสติได้เอาขาลงเลย ใส่รองเท้าแตะ ครูดกับพื้น มือที่แข็งช้าปล่อยคันเร่งได้ในที่สุด ตอนนั้นนิ้วเท้านี่แหว่งเลย หนังขาดหวิ่น เห็นเนื้อข้างใน รองเท้าขาดเละ เลือดโทรมเลย แต่ก็ฝืนทนขับกลับบ้านได้ ในใจตอนนั้น มึงจะเอากูกลางวันแสกๆเลยหรอ จะด่าอยู่แล้ว นึกถึงพ่อได้เลยหุบปาก
ตอนนั้นเดินไม่ได้เกือบเดือน น่าแปลกตรงที่ผมขับบิ๊คไบค์ ขึ้นปายขึ้นม่อนแจ่ม ดอยอินทนนท์ซึ่งโค้งกว่านี้ชันกว่านี้เยอะผมผ่านมาแล้วสบาย และขับมอไซค์มาเป็นสิบปีไม่เคยแม้แต่ล้ม แต่มาเสียเลือดให้กับเวฟและถนนสายนี้ คุยให้เพื่อนฟังนี่อายจนแทบแทรกแผ่นดิน ขี่เวฟโค้งไม่พ้น
มาถึงเรื่องเพื่อนผมที่เพิ่งเผาไป มันเป็นนักดนตรีในหมู่บ้านแล้วไปเล่นดนตรีในงานกัน แต่มันขอกลับก่อนเพราะมีธุระสำคัญ ซึ่งเส้นกันตวงมันก็ใกล้กว่า มันก็เลยขี่มาทางนั้น มันไม่ได้เมานะครับ ไม่ดื่มอะไรเลย ขี่มาโค้งเดียวกับผมเลย ชนหลักกิโลตาย เมื่อคนที่บ้านเห็นว่ามันไม่กลับถึงบ้านซักที เลยโทรถามเพื่อนก็บอกมันกลับไปแล้ว จึงได้เอะใจออกตามหากัน ไม่อยากจะเล่าอะไรมากครับ พูดไม่ค่อยออก แต่ก็ไว้อาลัยให้นายชุมนะ มือเบสของวง
เฉพาะโค้งนี้ก็หลายศพ จนมีศาลมาตั้งก็ยังไม่ดีขึ้น ถนนสายนี้ตายทุกปี อยู่แค่ว่าตายมากตายน้อย อยากให้คุณริวกับเจน ยานทิป ไปดูจริงๆผับผ่า
ขอบคุณที่ผ่านโปรดใช้วิจารณญาณ แต่ขอให้รู้ว่าผมไม่ได้โกหกใดๆ แล้วชาวบ้านละแวกนั้นรู้จักเรื่องนี้ดี กลางวันก็แรง กลางคืนอย่าได้คิดผ่าน
สมาชิกพันทิปหมายเลข 2058467