Home กระทู้ผีพันทิป เจอผีที่บ้านเช่า ณ เชียงใหม่

เจอผีที่บ้านเช่า ณ เชียงใหม่

เจอผีที่บ้านเช่า ณ เชียงใหม่
เจอผีที่บ้านเช่า

บ้านที่เราจะไปอยู่เป็นบ้านของคนรู้จักค่ะ เค้าจะย้ายไปอยู่ต่างจังหวัด เลยให้เราเช่าและจะได้ดูแลบ้านให้เค้าด้วยค่ะในราคาเดือนละ 1500 บาท ซึ่งถือว่าถูกมาก ๆ  ลักษณะบ้าน จะเป็นทาวเฮ้าส์ 2 ชั้น ประตูรั้ว ประตูบ้าน และประตูหลังบ้าน จะอยู่ตรงกันสามารถมองทะลุได้เลย ชั้นสอง ขึ้นบันไดไปจะเจอห้องน้ำอยู่ตรงกลางเลยค่ะ ส่วนด้านซ้ายมือกับขวามือจะเป็นห้องนอน ประตูห้องนอนทั้งสองห้องและประตูหลังห้อง จะตรงกันหมดเลยทั้ง 4 บานค่ะ 

เราเข้าไปอยู่บ้านก่อนที่เจ้าของบ้านจะย้ายออกประมาณ 2-3 วันค่ะ เพื่อจะได้ชินกับบ้าน เราได้อยู่ห้องขวามือค่ะ หลังห้องจะเป็นป่ารกๆ ส่วนเจ้าของบ้านอยู่ห้องด้านซ้ายมือ ติดกับถนน

วันแรกก็ไปไหว้เจ้าที่ก่อนเลย ซึ่งเจ้าที่จะอยู่บนดาดฟ้าชั้น 2 ฝั่งห้องนอนของเจ้าของบ้าน เราเดินผ่านห้องนอนของเจ้าของบ้าน ในห้องนอนจะมีหิ้งพระ ในหิ้งพระประกอบไปด้วย พระพุทธรูป กรวยดอกไม้ หุ่นปั้นรูปเด็กประมาณ 2 ตัว และแก้วน้ำแดงค่ะ ดูแล้วขนลุกค่ะ มันแปลกๆ  พี่เจ้าของบ้านบอกว่าต้องมาไหว้เจ้าที่ทุกๆ ก่อนถึงวันพระ และให้มีน้ำแดงด้วย งงไหมคะไหว้เจ้าที่ต้องมีน้ำแดงด้วย

คืนแรกเรานอนไม่หลับ อากาศร้อนอบอ้าว นอนดิ้นไปดิ้นมากว่าจะนอนได้ก็ใกล้เช้าแล้ว คิดว่าแปลกที่ เลยนอนไม่หลับ คืนที่ 2 คืนที่ 3 ได้ยินเสียงเหมือนมีคนเดินแถวหน้าห้องค่ะ อ่อ ลืมบอกว่าชั้นบนปูพื้นด้วยไม้ปาร์เก้ ชั้นล่างปูกระเบื้องค่ะ

ถามพี่เจ้าของบ้าน เค้าบอกว่าอาจจะเป็นเจ้าที่เดินมาดูเราก็ได้ เพราะไม่เคยเห็นเรา อีกอย่างพี่เค้าบอกเราว่าเวลาได้ยินเสียงอะไรไม่ต้องกลัว คงเป็นเจ้าที่เค้ามาปกปัก คุ้มครองเรา พี่เจ้าของบ้านเจอบ่อย เราก็เลยไม่กลัวเพราะคิดว่าเค้ามาคุ้มครองเรา

หลังจากที่พี่เจ้าของบ้านย้ายออกแล้ว เราก็ต้องนอนคนเดียว คืนแรกกลัวมากค่ะ นอนไม่หลับ ได้ยินเสียงก๊อกๆ แก๊กๆ เสียงคนเดินไปมา ก็รีบไหว้พระสวดมนต์ ขอให้พระคุ้มครอง ถ้าเป็นเจ้าที่เจ้าทางก็ดีไป แต่กลัวเป็นโจร เป็นขโมย เป็นคนร้ายมากกว่า เพราะแถวนี้เปลี่ยวมาก บ้านข้างๆ ก็ไม่มีคนอยู่ บางหลังก็ร้าง รอบๆ บ้านที่ เราอยู่ไม่มีใครอยู่เลย ร้างหมดเลย

วันนั้น เราได้เอาดอกไม้ธูปเทียน อาหารคาวหวาน ผลไม้และน้ำแดงไปไหว้เจ้าที่ เพราะพี่เค้าบอกให้ไหว้ก่อนวันพระ  

ประมาณตีหนึ่ง เหมือนฝนจะตกลมแรงมาก พัดประตูหน้าต่าง ปิด-เปิด เสียงดังปังๆ น่ากลัวมาก จึงรีบลุกไปจะไปปิดหน้าต่าง มองออกไปข้างนอกทางระเบียง เห็นอะไรไม่รู้เป็นเงาดำๆ โดนลมพัดแกว่งไปแกว่งมา แล้วได้ยินเสียงวี๊ดๆๆๆ  นึกถึงเปรตวัดสุทัศน์เลยรีบโทรหาแม่ เล่าให้แม่ฟัง และให้แม่ฟังเสียงด้วย แม่ก็บอกว่าเป็นต้นไม้ที่อยู่หลังบ้านโดนลมพัดรึป่าว เลยเอนไปเอนมา เสียงวี๊ดๆๆ นั้นก็คงเป็นเสียงหมาหอน คงหอนหาคู่ เพราะใกล้ฤดูผสมพันธุ์ อะไรทำนองนั้น แม่บอกให้ไหว้พระสวดมนต์แล้วนอน อย่าคิดมากกกก!!

เช้ามาพอมองออกไปนอกหน้าต่าง ไม่เห็นมีเลยคะแม่ ต้นมงต้นไม้อะไร มีแต่หญ้าต้นเตี้ยๆ ความสูงยังไม่พ้นชั้น 1 ของบ้านเลย   เฮ้อออ แล้วเมือคืนคืออัลไล

เราเริ่มกลัวแล้วค่ะ จึงตัดสินใจย้ายห้องมาอยู่ห้องที่เจ้าของบ้านเคยอยู่ แต่ก็ยังเจอเหตุการณ์ไม่คาดคิดหลายอย่าง คนที่อ่านอาจจะดูไม่ค่อยน่ากลัวเท่าไหร่นะคะ แต่คนที่เจอ คือ.. มันน่ากลัวมากอ่ะค่ะ มันจำ ติดหูติดตาจนถึงวันนี้เลย 

เมื่อย้ายมาอยู่อีกห้องแล้ว ก่อนนอนก็ไหว้พระตามปกติ หยิบมือถือมาเล่นแป๊บๆ ก่อนนอน พอกำลังจะเคลิ้มหลับก็ได้ยินเสียงเดินอีกแล้วค่ะ แต่ครั้งนี้ไม่ได้เดินแบบธรรมดา มีกระทืบเท้าด้วย เลยจะลุกไปดู แต่… ลุกไม่ขึ้นค่ะ ดื้นไม่ได้เลย มองผ่านออกไปทางประตู เห็นค่ะ เห็นผู้ชายแก่ๆ นุ่งชุดขาว จ้องมาที่เรา ตอนนั้นทำอะไรไม่ถูก กลัวก็กลัว ดิ้นก็ดิ้นไม่ได้ ท่องบทสวดมนต์ก็ผิดๆ ถูกๆ ก็เลยนึกถึงหน้าพ่อหน้าแม่ เรียกพ่อเรียกแม่แบบเสียงดังๆ ในใจ หลังจากนั้นก็หลุด รีบลุกไปเปิดไฟ ไม่นอนอีกทั้งคืนเลย

เช้ามารีบโทรหาเจ้าของบ้าน บอกว่าเจออะไรมา แต่พี่เค้าก็ยังยืนยัน ว่าเป็นเจ้าที่ เคยเห็นเหมือนกัน แต่เราก็ยัง “เชื่อ” ว่าเป็นเจ้าที่

โทรกลับทางบ้าน แม่เลยเอายันต์มาให้เรา เรียกว่า ยันต์เก้ากลุ่ม ให้เอากลัดติดเสื้อตลอดเวลา จะอะไรไม่รู้ก็กันไว้ก่อน ก็เลยมีความรู้สึกปลอดภัย สบายใจขึ้น

ผ่านมาประมาณเดือนนึง เริ่มมีคนมาเช่าบ้าน ข้างบ้านเราเลย คนที่มาเช่าเค้าทำงานเป็นกู้ภัย อยู่กับภรรยาท้องใกล้คลอด บ้านหลังถัดไปเป็นกลุ่มนักศึกษา อยู่กันประมาณ 4-5คน ตอนเย็นๆ พวกเด็กๆ จะชอบมาตั้งวงหน้าบ้าน เล่นกีตาร์ร้องเพลง รู้สึกดีใจมากจะได้มีเพื่อนบ้าน อย่างน้อยเวลามีอะไรก็จะได้ช่วยเหลือกันได้

เวลาขับรถผ่านหน้าบ้านของพี่ที่ทำงานเป็นกู้ภัย ทำไมมันถึงอดไม่ได้ที่จะมองเข้าไปในบ้านพี่เค้า เหมือนเป็นโรคจิต สังเกตุว่าจะมีโรงศพอยู่เต็มหน้าบ้านเลย คือคงเตรียมพร้อมตลอดเวลา รถกู้ภัยที่พี่เค้าใช้จะเป็นรูปแบบคล้ายๆ รถตู้ เคยเจอหน้ากัน เคยยิ้มทักทายกัน แต่ไม่รู้จักชื่อ 

ผ่านไปประมาณครึ่งเดือน ตอนนั้นน่าจะประมาณเดือน พฤศจิกายน ปี 55 เริ่มเข้าหน้าหนาวแล้ว อ่อ ลืมบอกไปว่า เราเข้ามาอยู่บ้านหลังนี้ประมาณเดือนกันยายน 55  ผ่านมา 3 ปีแล้วแต่ก็ยังจำได้ดีเหมือนเรื่องพึ่งเกิดขึ้น อาจมีตกหล่นอะไรไปบ้างแต่รับรองว่าเป็นเรื่องจริง ต่อนะคะ บ้านหลังที่มีกลุ่มนักศึกษามาเช่าอยู่เปลียนกลุ่มค่ะ อ้าว!! ไม่ใช่คนเดิมที่เคยอยู่อ่า เค้าย้ายออกกันทำไม ยังเก็บความสงสัยไว้ ตอนนี้มี 3 คนค่ะ ชาย 2 หญิง 1

มีอยู่วันหนึ่ง วันนั้นเป็นวันพระใหญ่ พี่สาวของเราเข้ามาทำธุระที่เชียงใหม่ก่อนกลับได้พาไปกินข้าว เป็นร้านอาหารอีสานข้างทางนี่แหล่ะ จัดเต็มเลย ทั้งส้มตำ ตับหวาน ซุปหน่อไม้ ต้มแซ่บ ข้าวเหนียวอีกคนละห่อ กินกัน 2 คนเกลี้ยง อิ่มมั้กๆๆ

พอกลับบ้านก็อาบน้ำนอนดูทีวี ก็ได้ยินเสียงคนเรียก แต่ดราไม่ได้ตอบ เพราะเคยได้ยินคำโบราณกล่าวไว้ว่า เวลามีคนเรียกตอนกลางคืนห้ามขานรับเด็ดขาด แต่…เราเปิดประตูแล้วเดินไปตรงดาดฟ้า ชะโงกหัวมองลงมาข้างล่าง นึกว่าเพื่อนมาหา แต่ไม่มีใครเลย เห็นแต่ผู้หญิงผมยาวคนหนึ่งนั่งในรถกู้ภัยที่จอดไว้หน้าบ้านที่อยู่ติดกัน เป็นผู้หญิงผมยาวนั่งก้มหน้า เรานึกว่าเป็นภรรยาพี่ที่ทำงานกู้ภัยจะพากันไปไหนหรือป่าว ก็เลยไม่ได้สนใจ กลับเข้าห้องไปดูทีวีต่อ ปรากฏว่าาาาา อีกประมาณครึ่งชั่วโมง เราหิว ทั้งๆ พึ่งกินข้าวมาเยอะมาก อิ่มแบบเว่อร์ๆ เลย แต่ตอนนี้หิวอีกละ ก็เลยต้มมาม่ากินไป 1 ห่อ อีก 10 นาทีหลังจากกินเสร็จก็หิวอีกละ ไม่ใช่ละ กระเพาะชั้นใหญ่ขนาดนั้นเลยหรอ 555 แต่ไม่กินค่ะ โทรกลับบ้านอีกล่ะ 

แม่ถามว่าได้ไปทักอะไรหรือป่าว เราตอบ ป่าวนะ แต่บอกว่าเห็นผู้หญิงคนหนึ่งในรถกู้ภัยแต่คิดว่าเป็นภรรยาเขา แม่เลยไปให้ทางเหนือเขาเรียก ปู่จ๋าน หรือหนาน พอจะรู้จักกันไหม เราเป็นคนเชียงใหม่ แต่เป็นคนต่างอำเภอนั่นแหล่ะ เป็นคนที่พอจะมีวิชาอาคมอะไรประมาณนั้น ทำพิธีให้คืนนั้นเลยค่ะ แต่แม่ไม่ได้บอกเรา มาบอกอีกวันนึง นึกแล้วยังขนลุกอยู่เลย แต่ก็ไม่รู้ทำไม อะไรดลจิตดลใจให้ เรายังอยู่ที่บ้านหลังนั้นต่อ

ส่งท้ายปีเก่า ต้อนรับปีใหม่ 2556 จร้า ข้างบ้านที่ทำงานเป็นกู้ภัยยังอยู่ที่เดิมจ้า ส่วนหลังถัดไป เปลี่ยนคนเช่าอีกแล้ว มาอยู่ได้เดือนเดียวแล้วก็ตีจากแบบไม่เสียดายเงินค่าประกัน 

เรามากินเลี้ยงปีใหม่กันดีกว่า แบบว่าเพื่อนๆ พี่ๆ ที่ทำงานอยากลองของ อะไรประมาณนั้น เลยมากินเลี้ยงกันที่บ้านเช่าเรา สนุกสนานเฮฮาปาร์ตี้ ปรากฎว่า ไม่มีอะไรเกิดขึ้นเลย 

จนเริ่มดึก บรรยากาศเริ่มเงียบ เพื่อนๆ เริ่มทยอยกันกลับบ้าน เหลืออยู่ประมาณ 3-4 คน ก็เริ่มวังเวง เบาเสียงเพลงลงนิดหน่อย ตึ้งงง!! เสียงอะไรหล่น ทุกคนเงียบกันหมด ไม่มีใครกล้าพูดอะไร พี่คนนึงปวดฉี่ ก็ไม่กล้าเข้าห้องน้ำ และแล้ว…เสียงกดชักโครกดังขึ้น ทุกคนหันหน้ามาหากันโดยมิได้นัดหมาย แล้วจึงตัดสินใจแยกย้ายกันกลับบ้าน เพื่อนๆ พี่ๆ ต่างก็พากันชวน เรา ไปนอนด้วย แต่เกรงใจ เลยบอกว่าจะนอนที่นี่ พี่คนนึงเค้าเลยตัดสินใจนอนเป็นเพื่อน ^^ ก็นอนคุยกันค่ะ นอนไม่หลับ อีกอย่างก็ตี 3 ตี 4 แล้ว คุยไปคุยมาเคลิ้มหลับไปนอนไหนไม่รู้ ตื่นอีกที เกือบเที่ยง ไม่ได้ไปทำงานเบย แต่เราไปหาหอพักค่ะ หาที่ไหนก็ไม่ถูกใจ หอที่ถูกใจก็เต็มค่ะ เฮ้อ!! ก็เลยต้องอยุ่ที่เดิม

ขอข้ามมาเดือนเมษายน 2556 เลยนะคะ 3 เดือนผ่านไปไม่ได้ไวเหมือนโกหก ช่วงสงกรานต์ เราก็กลับบ้านตั้งแต่วันที่ 12 หลังจากนั้นวันที่ 16 เราจะกลับเข้าเชียงใหม่ ก็เลยแวะดูดวงซะหน่อย เห็นเค้าว่ากันว่าแม่นมากกกก เป็นทางผ่านพอดีค่ะ ค่าครู 39 บาท กะว่าจะมาดูดวงเนื้อคู่ 555

เราก็จดชื่อ วันเดือนปีเกิดให้ร่างทรง ที่อยู่ก็ให้ทั้งบ้านตัวเองและที่อยู่บ้านเช่า อ่อ ที่ดูนี่เป็นร่างทรงนะคะ ดูผ่านกุมารทอง แรกๆ เค้าก็ทักนิสัยใจคอ อะไรของเราไป พอมาถึงบ้านตัวเองก็ทักว่าดีนะ บลาๆๆๆ ไปเรื่อยๆๆ  พอมาถึงตอนที่เค้าจะดูที่อยู่บ้านเช่า แค่ดูบ้านเลขที่ เค้าก็ด่ามาเลยว่า อยู่ไปได้ยังไง เค้าจะเอาถึงชีวิตเลยนะ (เลขที่ 33/3 หรือ 3/33 ค่ะจำไม่ได้) 

ห๊ะ! อะไรนะ? แล้วร่างทรงก็ขอจับมือเรา แล้วก็บอกว่า บ้านที่เราไปอยู่เจ้าของเค้าหวงนะ แล้วก็บอกว่าเค้าพยายามจะเอาเราไปหลายรอบแล้ว แต่เรามีของคุ้มครองเราอยู่ ก็ถามไปว่า เจ้าที่หรอ เค้าบอกว่าไม่ใช่ บ้านหลังนั้นไม่มีเจ้าที่บ้าน มีแต่เจ้าของบ้าน ร่างทรงถามเราว่าเคยเจอแล้วใช่มั้ย เราก็ถามกลับไปว่า เจออะไร เค้าตอบมา เจ้าของบ้าน เราบอกไม่รู้ เค้าก็บอกอีกว่า ก็ผู้ชายตัวใหญ่ๆ ที่ใส่ชุดขาวนั่นไง 

ห๊าาา ขนลุกเลยค่ะ พี่สาวก็ขนลุกเพราะเคยเล่าให้พี่สาวฟัง อ่อ ตอนไปดูไปกับพี่สาวนะคะ ลืมบอก ร่างทรงบอกว่าคนนี้แหล่ะ เจ้าของบ้านตัวจริง เค้าหวงบ้านมาก แล้วเรายังไปนอนทับที่เค้าอีก เค้ามาทั้งเสียง ทั้งให้เห็นและอำเรา หัวใจเราเริ่มเต้นแรง รอฟังว่าจะพูดอะไรต่อ แล้วร่างทรงก็บอกว่าแถวนั้นน่ะ ผีทั้งนั้น   แล้วเราก็ถามกลับไปว่าเราเคยเจอผีรึป่าว เค้าบอกว่าใช่ มันมาขอส่วนบุญ และยังพูดต่อว่า เราเคยโดนผี นศ.ตายโหง ด้วย เค้ามาให้เราเห็น ไม่มีใครทำบุญไปให้ เลยมาขอกินกับเรา แต่ก็ไม่ได้ เราคิดว่าน่าจะเป็นผู้หญิงที่อยู่ในรถกู้ภัย 

เอาล่ะสิ่ ทำไงๆ ไม่กล้ากลับไปแล้ว ทำไงดี ร่างทรงเลยแนะนำให้ไปเอาน้ำมนต์กลับไปด้วย เอาไปพรมรอบๆ บ้าน แล้วบอกกล่าวเจ้าของบ้านว่าเรามาขออยู่ด้วยนะ ไม่ได้มาลบหลู่ เรามาดี ต่างคนต่างอยู่นะ อะไรประมาณนี้ ถ้าได้ผลเราก็อยู่ต่อได้ แต่ถ้าไม่ได้ผลเราต้องย้ายออก ไม่งั้นเค้าจะเอาถึงชีวิต แล้วจะรู้ได้ไงว่าได้ผลมั้ย เค้าบอกเราจะรู้เอง

เราก็ย้อนกลับไปที่บ้านแล้วเล่าให้กับญาติๆ ฟัง เลยไปขอน้ำมนต์จากลุง ที่เป็นหนาน ซึ่งพอจะมีวิชา มนต์น้ำให้ค่ะ คนที่บ้านก็ไม่อยากให้ไปเลยค่ะ พากันกลัวไปหมด แต่เราก็จะลองด

ณ เวลาโดยประมาณ 14.00 น. วันที่ 16 เมษายน 2556 เราถึงที่หมายโดยสวัสดิภาพ ค่อยๆ เปิดประตูรั้ว เคาะประตูบ้านตัวเอง ก๊อก ก๊อก ก๊อก 3 ครั้ง ตามความเชื่อส่วนบุคคล อยู่มาตั้งหลายเดือนก็พึ่งจะมาเคาะนี่แหล่ะค้าา แล้วก็ค่อยๆ เปิดประตูเข้าไป หยุดอยู่ถึงแค่ชั้นล่าง ยังไม่กล้าขึ้นไปชั้นบน ก็เปิดทีวีอยู่เป็นเพื่อน เปิดพัดลมเบาๆ เมื่อเริ่มตั้งตัวได้ก็หยิบน้ำมนต์ออกมา เดินขึ้นไปชั้นบน เคาะประตูห้องนอนตัวเอง รึป่าว ก๊อก ก๊อก ก๊อก แล้วก็เปิดประตู เดินเข้าไปยืนอยู่กลางห้อง พูดพึมพำๆ ตามที่ร่างทรงบอก พูดผิดๆ ถูกๆ ก็คนมันตื่นเต้นอ่ะ แล้วก็พรมน้ำมนต์ไปตรงกลางห้องเลยค่ะ พรมได้แค่ครั้งที่ 2 ก็มีเสียงดัง ปัง! แบบดังมากๆ 

เราตกใจมาก รีบวิ่งลงบันไดแบบไม่คิดชีวิต ออกมาอยู่นอกบ้านเลยค่ะ โทรไปหาใครก็ยังไม่กลับมาจากบ้านซักคน ก็เลยโทรหาพี่คนนึง เพื่อนร่วมงาน สมมุติชื่อพี่ เอ บอกว่าให้มารับหน่อย พี่เค้าบอกรอประมาณครึ่งชั่วโมง โอ้โหหหหหหห!! ครึ่งชั่วโมง ณ เวลานั้น นานมั้กๆ จะเข้าบ้านก็ไม่กล้าเข้า อยู่หน้าบ้านก็ร้อน เลยตัดสินใจวิ่งเข้าไปเอาพัดลมมาเปิด สายก็สั้น แบบว่าเอาพัดลมไว้ในบ้านแล้วลากมาให้ใกล้หน้าบ้านมากที่สุด นึกภาพออกไหมคะ ช่วงเดือนเมษาอากาศจะร้อนมาก และเป็นตอนกลางวันด้วย พัดลม ลมที่พัดมาก็เป็นลมร้อน โอ้ย จะบ้าตาย ก็ทั้งไลน์ ทั้งโทรเร่งให้พี่เค้ามาหา

เวลาผ่านไป 20 กว่านาที พี่เค้าก็มาถึง เลยบอกให้เข้ามาในบ้านก่อน จะขึ้นไปเปลี่ยนชุด ตอนนั้นยังไม่ได้เล่าอะไรให้พี่เค้าฟังฟัง เข้ามาในบ้านแล้ว พี่เค้าก็พูดขึ้นว่า บ้านไอ้… เย็นดีว่ะ เย็นจนขนลุกเลย เราก็ไม่ได้พูดอะไร บอกว่าจะขึ้นไปข้างบนก่อนนะ ไปเปลี่ยนชุดก่อน พี่เค้าก็ไม่พูดอะไรนั่งเล่นโทรศัพท์ไป เราก็กล้าๆ กลัวเดินขึ้นไปชั้นบน แต่ก็ยังใจชื้นหน่อยมีเพื่อนอยู่ 

ขึ้นไปกำลังเปิดตู้เสื้ผ้า ประตูหลังห้องก็ปิดเอง ทั้งๆ ที่ไม่มีลมเลย ไม่ปลงไม่เปลี่ยนมันแหล่ะ รีบวิ่งลงไปเลย  พี่เอก็ถาม อ้าว… ไปไหนมา ไม่ได้เข้าห้องน้ำหรอกหรอ พี่ได้ยินเสียงกดชักโครกอยู่เลย (พี่เค้าหมายถึงห้องน้ำชั้นล่างนะคะ) เราก็ส่ายหน้าแล้วบอกว่า พี่เอ ไปกันเถอะ พี่เอก็ถามว่าแล้วไม่เปลี่ยนชุดแล้วหรอ เราไม่ตอบค่ะ ลากแขนออกมาเลย ปรากฎว่า มอเตอร์ไซด์สตาร์ทไม่ติดอีก เรานี่เหงื่อแตกเป็นเม็ดๆ เลยค่ะ ไม่รู้ว่าร้อนหรืออะไร 

เราก็พูดในใจว่าพรุ่งนี้จะย้ายออกแล้ว จะไม่มายุ่งแล้ว สักพักรถก็สตาร์ทติดเฉยเลย ความรู้สึกตอนนั้นเหมือนสวรรค์มาโปรดเลย พอไปถึงบ้านพี่เอ ก็นั่งพัก พี่เอก็ออกไปซื้อช้างมา 6 ขวด คุยกันไปจิบกันไป เราก็เริ่มเข้าเรื่องเลย ก็เล่าให้พี่เอฟัง พี่เอก็ยังไม่ค่อยเชื่อเท่าไหร่ แต่ก็รู้สึกแปลกๆ เหมือนกัน  

ประมาณสี่ทุ่ม ก็ให้พี่เอไปส่งที่บ้าน พอจอดที่หน้าบ้าน ก็บอกให้พี่เอกลับ ส่วนเราก็…ยืนอยู่หน้าบ้านนานมาก แล้วก็พูดขึ้นว่า คืนนี้มาขอนอนคืนนึงนะ อย่ารบกวนกันเลย พรุ่งนี้จะย้ายออกแล้ว พูดเสร็จก็เดินเข้าบ้านค่ะ ทำตัวตามปกติ ขึ้นไปบนห้อง อาบน้ำ แล้วก็มานอน กินช้างไปหลายแก้วอยู่ค่ะ เลยมึนๆ  ตอนอาบน้ำก็แอบกลัวอยู่นะคะ แต่ก็ไม่เกิดอะไรขึ้น เช้ามาก็ไปทำงานตามปกติ ตอนเย็นก็ขนเสื้อผ้าไปอยู่บ้านเพื่อนก่อนเลย แล้วก็หาหอได้พอดี จึงตัดสินใจย้ายออกทันที แล้วเราก็ไม่ไปยุ่งกับบ้านหลังนั้นอีกเลย

เสริมนิดนึง ตอนจะย้ายออกก็ได้ไปลายายที่ร้านขายของ ว่าจะไปอยู่ที่อื่นแล้ว ร้านอยู่ห่างจากบ้านเช่า เราประมาณ 3 หลังค่ะ ยายเค้าก็บอกว่า แถวนี้มีคนมาอยู่ได้ไม่กี่เดือนก็พากันออก อย่างมากก็ไม่เกิน 3 เดือน มีแต่หนูนี่แหละที่อยู่นานสุด เอิม!! ควรจะภูมิใจดีไหม เรื่องก็มีแค่นี้แหล่ะค่ะ

ขอบคุณที่มา Noonny ny 

LEAVE A REPLY

Please enter your comment!
Please enter your name here