ผมเกิดวันจันทร์ จริงๆแล้วผมก็ไม่น่าจะเป็นคนที่มีเซ้นส์เกี่ยวกับเรื่องแบบนี้นะ แต่ผมจะติดการสวดมนต์ก่อนนอนมากๆ ผมเริ่มสวดมนต์ก่อนนอนอย่างจริงๆ ตั้งแต่อยู่ปี1 แต่ตอนปี1 มีคนแนะนำให้ผมสวดคาถาชินบัญชร ผมก็สวดนะ แรกๆสวดตามหนังสือสวดมนต์ รู้สึกว่ามันยาวมาก แต่ก็อดทนสวดจนจบบทแล้วก็สวดมาทุกวันๆ ก่อนนอน จนประมาณสามเดือน ผมถึงสวดคาถานี้โดยที่ไม่ต้องดูหนังสือได้ เรื่องการทำบุญ ผมก็ไม่ใช่คนถือศีลก็ชีวิตวัยรุ่นอ่ะนะ ไม่ได้ธรรมมะธรรมโมอะไร ก็ใช้ชีวิตปกติธรรมดา ทำบุญทำทานบ้างแล้วแต่โอกาส ส่วนใครที่บอกว่าคาถาชินบัญชรเป็นคาถาเรียกผีผมว่าไม่ใช่อ่ะ เป็นคาถาชุมนุมพระ ระดับเทพๆเลยนะนั่น สวดแล้วสบายใจถึงมันจะยาวไปซักหน่อยแต่ก็อดทนสวดเถอะ เป็นการฝึกความอดทน พร่ำมานาน เข้าเรื่องเลยดีกว่า
เป็นเรื่องแรกที่ทำให้ผมมองตัวเองเปลี่ยนไป ผมเริ่มเชื่อว่าตัวเองมีเซ้นส์เรื่องแบบนี้แล้วหล่ะ แต่ไม่ใช่สายผีโหด คือว่าตอนนั้นผมอยู่ ม.6 กำลังจะจบเข้าเรียนต่อมหาลัยละก็ช่วงปลายปี 2548-ต้นปี 2549 ช่วงนั้นอยู่ในช่วงที่ผมกำลังเตรียมตัวไปเรียนต่อ (ผมได้โควต้าสถาบันนึงในกรุงเทพฯ)
ผมฝันว่าผมขี่รถมอไซค์ผ่านถนนหลังวัด แล้วพอถึงตรงที่เป็นเมรุเผาศพตรงข้างๆ เมรุจะมีสถูปเจดีย์ที่บรรจุกระดูกคนตายตั้งเรียงรายอยู่ ในฝันพอผมขี่รถมาถึงตรงนี้ก็จะมีเด็กผมจุกเสื้อขาวโจงกระเบนเขียว กระโดดซ้อนท้ายผมทุกครั้ง ที่บอกว่าทุกครั้งเพราะผมฝันแบบนี้ติดต่อกันหลายวันมาก จนจิตเริ่มตกกลัวว่าจะเป็นลางไม่ดี ผมเลยเล่าให้ย่าฟัง
ย่าก็พาไปหาหลวงปู่ที่วัด เล่าความฝันให้หลวงปู่ฟัง หลวงปู่เลยให้ผมพาไปตรงข้างเมรุตามในฝัน ผมก็พาไปปรากฏว่าไปเจอหุ่นปั้นกุมารทองโจงกระเบนเขียวนี่จริงๆ มันถูกวางไว้ใต้ต้นน้อยหน่าข้างๆ เมรุนั่นแหล่ะ
ทันทีที่ผมเห็นก็ตกใจอ่ะ เหมือนเค้าดึงสายตาผมให้มองไปเจอเค้า หลวงปู่ให้ผมหยิบกุมารทองขึ้นมาแล้วกลับไปที่กุฏิหลวงปู่ หลวงปู่บอกว่า เค้าอยากมาอยู่กับผม อยากให้ผมเลี้ยง เค้าจะอยู่กับผม 8 ปีแล้วเค้าจะไป ผมก็ ห๊ะ!! 8ปีเลยหรอ ทำไมต้องเป็นผมด้วยอ่ะ ผมไม่อยากเลี้ยง ไม่ได้กลัวนะ แต่เลี้ยงไม่เป็น
คืออารมณ์ตอนนั้นไม่กลัว แต่ไม่อยากรับมาเลี้ยงไว้ เพราะผมเลี้ยงไม่เป็น แล้วไหนจะต้องเข้ากรุงเทพฯมาเรียนต่ออีก จะให้ผมเอาติดตัวมาด้วยหรือไง ผมก็บอกหลวงปู่ว่าไม่เลี้ยงได้ไหม คือไม่อยากเอาติดตัวไปแล้วก็เลี้ยงไม่เป็นด้วย หลวงปู่ก็บอกว่าได้ งั้นให้ฝากเค้าไว้ที่หลวงปู่นี่แหล่ะ ให้ผมตั้งชื่อเค้า หลวงปู่บอกว่าเค้าเป็นเด็กผู้หญิง ผมเลยตั้งชื่อว่า “น้อยหน่า” ตามที่ผมเจอเค้าใต้ต้นน้อยหน่า
หลังจากนั้น หลวงปู่ก็จับน้อยหน้าขึ้นไปแล้วก็สวดมนต์ขมุบขมิบ ผมก็ฟังไม่รู้เรื่อง เสร็จแล้วก็ให้ผมเอาน้ำมนต์ตักมาราดตัวน้อยหน่า เช็ดตัวให้เค้าแล้วก็หาแป้งมาทา เอานมเอาน้ำมาให้ หลวงปู่เก็บน้อยหน่าไว้ในกุฏิ หลังจากนั้นผมก็กลับบ้าน
จนกระทั่งผมเข้ากรุงเทพฯ มาเรียนต่อ ก่อนเข้ากรุงเทพฯ ผมฝันเห็นน้อยหน่ามาบอกผมว่าให้ไปหาหน่อยตอนเช้าก่อนไปกรุงเทพฯ ผมก็ไปบอกน้อยหน่าที่วัดว่า จะไปอยู่กรุงเทพฯแล้วนะ ช่วยคุ้มครองด้วยนะ อยู่กับหลวงปู่อย่าดื้อนะ จนผมมาเรียนกรุงเทพฯ ก็ลืมๆกุมารทองน้อยหน่าไป แต่ผมรู้สึกว่าน้อยหน่าจะช่วยดูแลผมในเรื่องของการเดินทางบ่อยๆ
มีครั้งนึง ผมจะไปเที่ยวเชียงใหม่ไปรถไฟนี่แหล่ะ แล้วน้อยหน่าเหมือนมาทำให้ผมกังวลใจ ทำให้ผมลืมของ จนพลาดรถไฟเที่ยวที่จองไว้ ปรากฏว่ารถไฟขบวนนั้นไปตกรางแถวขุนตาล แต่ผมคิดว่าคงเป็นความบังเอิญมากกว่า แต่ก็อดคิดถึงน้อยหน่าไม่ได้ แล้วทุกๆสงกรานต์ ผมจะซื้อของเล่น ซื้อกุมารทองตัวใหม่ไปเปลี่ยนให้น้อยหน่า เพราะเค้าจะมาเข้าฝันผมว่า อยากเปลี่ยนไปใส่ชุดสีอะไร ผมก็จะไปหาซื้อหุ่นปั้นกุมารทองที่ใส่ชุดสีที่น้อยหน่าต้องการ เอาไปเปลี่ยนให้
จนปี 2556 ผมเจอน้อยหน่าปี 2549 ปี 2556 ก็ครบ8ปีพอดี ผมลืมไปแล้วด้วยเรื่องครบ 8 ปีแล้วเค้าจะไปเนี่ย จนผมเรียนจบรับปริญญาเรียบร้อย คืนนั้นจำได้ว่า เค้ามาเข้าฝันผมบอกว่าจะไปแล้วนะ แต่ไม่ได้บอกว่าไปไหน ไปเกิดหรือไปไหนเค้าไม่ได้บอก เค้าบอกแต่ว่าต่อไปนี้ดูแลตัวเองดีๆ ให้สวดมนต์ให้เค้าทุกวันด้วย ผมจำความฝันได้แค่นี้แหล่ะ
พอตื่นมาผมมานั่งร้องไห้ความรู้สึกมันเหมือนสูญเสียอะไรไปจริงๆอ่ะ ผมหาวันว่างๆกลับบ้านไปหาหลวงปู่ หลวงปู่บอกว่าน้อยหน่าไปแล้ว ให้ผมเอาน้อยหน่าไปเผา ผมถือหุ่นกุมารทองน้อยหน่าไปเผาหลังวัด ร้องไห้เลย มันเหมือนผูกพันกัน แล้วตั้งแต่นั้นมาผมก็ไม่ฝันถึงเค้าอีกเลยจนทุกวันนี้ แต่ก็ไม่ลืมเค้านะ ยังนึกถึงอยู่บ้าง….
ปล. สำหรับใครที่อยากรู้ว่าเวลาน้อยหน่ามาเข้าฝันผมเค้ามาในรูปแบบไหน ผมบอกเลยว่าจำไม่ได้เลย เหมือนเค้าไม่อยากให้ผมมีภาพจำของเค้า ผมสารภาพเลยว่าผมจำน้อยหน่าตอนมาเข้าฝันไม่ได้เลยซักครั้งแม้กระทั่งโทนเสียงที่เค้าพูดกับผมในฝัน
ขอบคุณทที่มาพันทิปดอทคอม