เรื่องนี้เป็นความเชื่อส่วนบุคคล ต้องบอกว่าเรานับถือศาสนาคริสต์มาตั้งแต่เกิด เรื่องใส่บาตร ทำบุญแบบพุทธเราก็เพิ่งมาทำตอนอยู่ที่นี่ เพราะไม่รู้จะทำอะไรช่วยพวกเค้าได้
เราออกจากงานประจำมาค้าขาย ตึกที่เราอยู่เป็นอาคารพาณิชย์สองชั้นติดถนนค่อนข้างเก่าแล้ว ชั้นล่างเป็นปูนชั้นบนเป็นไม้แบ่งเป็นสองห้อง ห้องเล็กติดทางขึ้นบันได เรานอนห้องใหญ่ที่อยู่ติดถนน ห้องสองห้องอยู่ติดกันกั้นด้วยผนังไม้ง่ายๆ มีช่องลมด้านบนทะลุกันเป็นมุ้งลวดขนาดสี่เหลี่ยมผืนผ้าไม่ใหญ่มาก คงทำไว้ให้อากาศจากห้องระบายได้บ้างเพราะห้องเล็กไม่มีหน้าต่าง
ร้านนี้พี่ที่มาเช่าก่อนเค้าเช่าเปิดร้านทำผมชั้นล่าง ส่วนด้านหน้าร้านเราขายของและเช่าพักอยู่ข้างบน วันแรกที่ย้ายของไปก็รู้สึกแปลกๆมันโหวงแหวง ว้าแหว่ แต่ไม่ได้ขนลุกหรือน่ากลัวอะไร เราเป็นคนค่อนข้างมีเซ้นส์เรื่องพวกนี้พอสมควร
คืนแรกก็ผ่านไปแบบนอนไม่ค่อยหลับ คงจะแปลกที่ ตอนเช้าเราเห็นพระเดินบิณฑบาตรเลยนึกอยากไปใส่บาตร กะใส่ให้เจ้าที่เจ้าทางผีบ้านผีเรือนที่ดูแลหรืออยู่ในบ้าน ทำก็ไม่เป็นทำตามๆเค้าไป
พอกลับมาเจอน้องที่เป็นช่างทำผมก็ทักทายกัน บอกเค้าว่าไปใส่บาตรมาเมื่อเช้า เค้าถามว่าเจออะไรมั้ยเมื่อคืน ใส่บาตรทำบุญให้เค้าแหละดีแล้ว
ทำไมพูดแปลกๆ เลยถามเค้าว่ามีอะไร ที่นี่มีอะไรรึเปล่า เค้าก็ทำท่าเหมือนไม่อยากจะเล่าแต่ก็เล่ามาว่า ที่นี่เคยเป็นคลินิกทำแท้ง ปิดร้างมานานแล้ว จนกระทั่งเจ้าของร้านทำผมมาเช่า เราก็คิดในใจ เย้ย! คลินิกทำแท้งเลยเหรอ เด็กๆไม่เต็มไปหมดเลยเหรอเนี่ย! น่าสงสารนะ ไว้ทำบุญให้บ่อยๆละกัน
หลังจากนั้นเราก็ใส่บาตรทำบุญอุทิศส่วนกุศลให้พวกเค้าบ่อยๆ จนวันนึง วันนั้นเราขายของเงียบมาก เลยนึกในใจว่า ถ้าวันนี้ขายดีพี่จะซื้อของเล่นให้ ปรากฏว่าก่อนเก็บร้านมีคนมาเหมาของเราเกือบหมด
เก็บร้านเสร็จเราแวะซื้อรถของเล่นเป็นรถพลาสติกคันใหญ่มาคันนึง เอาไปวางไว้ที่ห้องเล็กติดกับห้องที่เรานอน
ตีสองคืนนั้น เราเริ่มง่วงมากปิดไฟกำลังจะหลับ ทันใดนั้น หูก็ได้ยินเสียงดังมาจากห้องเล็กข้างๆ แกรกๆๆๆ แกรกๆๆๆๆ เสียงเหมือนใครเอาอะไรมาไถพื้นไม้กระดาน เรานอนนิ่งตั้งใจฟัง เสียงนั้นยังดังอยู่ แกรกๆๆๆ ตอนนั้นนึกออกแล้วว่าเสียงอะไร เสียงคล้ายรถเด็กเล่นที่ล้อไถกับพื้นนั่นเอง
ตอนนั้นง่วงมากอยากนอน เราเลยบอกเค้าไปว่า ให้พี่หลับก่อนได้มั้ยแล้วค่อยเล่นแล้วเราก็หลับไปเลย จริงๆกลัวนะแต่ตอนนั้นง่วงมากกว่าก็หลับไปยันเช้า
ไม่กี่วันต่อมาเรานั่งขายของอยู่มีตาคนหนึ่งเอานกหวีดมาขาย นกหวีดที่เป็นตัวนกพอใส่น้ำลงไปเป่าแล้วเสียงมันจะดังกลั้วๆๆ คล้ายนกชนิดหนึ่ง เราซื้อมาตัวนึงเอาเข้าไปวางไว้ในห้องเล็ก
คืนนั้นเราได้ยินแต่เสียงเป่านกหวีด กลั้วๆๆอยู่ทั้งคืน ไม่ได้หลับได้นอน นึกโมโหตัวเองไม่น่าซื้อของเล่นที่มีเสียงมาให้เลย
มีอีกหลายเหตุการณ์ที่เราลองว่ามีพวกเค้าอยู่มั้ย ส่วนมากแต่ละครั้งจะเอาเวลากำหนด เช่นเราจะบอกเค้าว่าอีกห้านาที หรือสิบนาทีถ้ามีคนมาซื้อของ เราจะให้ที่คาดผม หรือให้ของเล่นอะไรก็แล้วแต่ว่าไป ภายในเวลาไม่เกินนั้นเราจะได้ทุกที ของเล่นในห้องเล็กเลยเริ่มเต็มไปหมด
หลังๆพี่เจ้าของร้านทำผมเห็นเราไม่กลัว เลยย้ายกุมารทององค์เล็กๆสี่องค์ขึ้นไปไว้ที่ห้องเล็ก เอาน้ำดงน้ำแดงขึ้นมาไหว้ข้างบน ห้องนั้นเลยกลายเป็นห้องเด็กๆไป ของเล่น ขนม เต็มไปหมด
กุมารทองของพี่ร้านทำผมเค้าบอกว่าเป็นกุมารเทพคือ กุมารที่พระปลุกเสก เวลาเราเอาขนมหรือของเล่นไปให้ก็จะบอกให้เค้าดูแลน้องๆ มีขนมของเล่นก็แบ่งให้น้องด้วย หมายถึงเด็กๆที่โดนทำแท้ง ลึกๆเรารู้สึกว่าเด็กๆที่นั่นน่ารักและก็น่าสงสาร ก็ยังคงทำบุญใส่บาตรให้เค้าทุกวันพระ
มีอยู่ครั้งนึงเราต้องเดินทางไปหาดใหญ่ ขึ้นรถทัวร์ตอนมืดแล้วได้ที่นั่งหลังๆ เราเดินไปนั่งแล้วก็หลับ กะว่าหลับตื่นมาเช้าจะได้ถึง พอเคลิ้มๆจะหลับได้ยินเสียงเด็กหัวเราะคิกคักๆอยู่ข้างหลัง เราก็คิดว่าข้างหลังคงมีใครเอาเด็กมา ในใจยังคิดว่าเด็กบ้าอะไรก็ไม่รู้ไม่หลับไม่นอนหัวเราะเล่นยันเช้า เรางัวเงียๆขยับตัวลุกขึ้น ฟ้าเริ่มสางแล้ว ชะโงกไปดูหน้าหน่อยสิ
แต่…เราก็ต้องอึ้งอยู่นาน เพราะข้างหลังเราก้มลงไปเห็นมีบัสโฮสเตสนอนหลับอุตุอยู่ที่เบาะบนพื้น ข้างหลังเราไม่มีที่นั่งแล้ว แถวเราเป็นแถวสุดท้าย แล้วเด็กที่หัวเราะคิกคักๆข้างหลังทั้งคืนล่ะ เด็กที่ไหน
พอลงจากรถเห็นแม่ค้าขายกับข้าวใส่บาตรเขียนป้ายไว้ว่าวันนี้วันพระ เราเดินตรงรี่ไปใส่บาตรให้เค้า เค้าอาจมาเตือนว่าวันพระหรืออะไรก็เกินจะคาดเดา กุมารทองหรือวิญญานเด็กจะขึ้นรถแล้วเดินทางไปกับเราได้หรือเปล่า อันนี้เราก็ไม่แน่ใจเรื่องแบบนี้…อธิบายยาก
หนึ่งปีผ่านไปเจ้าของตึกยกเลิกสัญญาเช่า เราเลยต้องหาที่อยู่ใหม่ คืนก่อนจะย้ายก็ฝันเห็นเด็กกลุ่มนึงเดินจับมือกัน คนโตสุดเป็นเด็กผู้หญิงประมาณห้าหกขวบ เค้าเดินจูงเด็กผู้ชายผู้หญิงเล็กๆผ่านเราไป ในฝันถามเราว่าหนูจะไปไหนกัน เค้าตอบว่าจะไปตามหาพ่อกับแม่ เราถามว่าพ่อแม่อยู่ไหน…เค้าบอกไม่รู้ เราเลยบอกว่าเดี๋ยวพี่พาไปหา เค้าบอกไม่เป็นไรหนูดูแลตัวเองได้ แล้วก็จูงน้องๆเดินไป ในฝันท่าทางน้ำเสียงเหมือนเค้างอน เราตื่นมานั่งทบทวนดูอาจเป็นเพราะเราจะย้ายแล้วยังไม่ได้บอกได้ลาเค้าเลย
ตอนนี้ตึกตรงนั้นถูกทุบทำเป็นทางเข้าห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่ง เราย้ายมาอยู่ไม่ไกล เวลาเดินผ่านอดคิดไม่ได้ว่าพวกเค้าจะไปอยู่ที่ไหนกัน…จะตามหาพ่อกับแม่เจอมั้ย? ขอให้หนูตามเจอ…
ขอบคุณที่มา Iris Iris