วันนี้ขอมาเล่าเรื่องห้องพักที่เราได้หลงไปพักมาค่ะ ในอำเภอหนึ่งที่จังหวัดเชียงใหม่ ตอนนั้นพ่อแม่เราได้มีแพลนว่าจะไปเที่ยวพักผ่อนที่เชียงใหม่กัน 3 วัน 2 คืน และจะแวะไปรับเพื่อนของพ่อด้วยในวันที่ 2 เพื่อให้เพื่อนพ่อเนี่ย พาเที่ยวเชียงใหม่เพราะเป็นคนเหนือ ซึ่งพ่อแม่เลือกที่จะขับรถไปกันเองเช้าวันศุกร์ แต่เรามีเรียนอยู่ที่ กทม. เลยตัดสินใจว่า เดี๋ยวจองตั๋วเครื่องบินแล้วกัน เลิกเรียนแล้วบินตามไปเลย ก็โอเคเราถึงเชียงใหม่อย่างปลอดภัย พ่อแม่มารอรับที่สนามบินเชียงใหม่ แล้วพ่อแม่ก็บอกว่าเช็คอินเข้าที่พักไว้แล้ว อยู่ไม่ไกลจากสนามบินนี่เอง เราก็โอเคดีจัง เหนื่อยแล้วอยากพัก
พ่อก็ขับรถเลาะไปทางที่จะเป็นที่ไว้ซากเครื่องบินเก่า ซึ่งมันดึกแล้วก็ไม่ได้ใส่ใจอะไร ทางเข้าที่พักแรกเนี่ยมันลึกมาก ทางไม่ดีทางขรุขระ เราก็คิดว่าแล้วสภาพห้องพักจะเป็นยังไงเนี่ย ไปถึงที่พักปรากฏว่ามันเริ่ดมากค่ะ สวยสะอาด เพราะเพิ่งเปิดใหม่ มองเห็นสนามบินเชียงใหม่เลย ซึ่งห้องพักนี้ไม่มีอะไรเกิดขึ้นนะคะ เรานอนหลับสบายมาก อาจเป็นเพราะเราเรียนมาเหนื่อยทั้งวันและเหนื่อยกับการเดินทาง พอวันรุ่งขึ้น เราก็ต้องไปรับเพื่อนพ่อที่สถานีขนส่งอาเขตค่ะ ก็เช็คเอ้าท์ออก และบอกกับแม่ว่า คืนนี้เราจะมานอนที่นี่อีกไหม เพราะว่าใกล้นิมมาน มีที่กินที่เที่ยวเยอะ แม่ก็บอกโอเคเพราะราคาถูก สะอาด เจ้าของใจดี แต่สิ่งที่เราคาดหวังมันมักจะไม่ได้เป็นตามที่หวังค่ะ
ช่วงสายๆเราก็มาถึงขนส่งอาเขต เพื่อนพ่อเลทเป็นชั่วโมงทำให้ทริปเที่ยวล่าช้าต้องเปลี่ยนที่ไป เพื่อนพ่อเป็นประเภทไม่ฟังใครค่ะ ออกคำสั่งอย่างเดียว สรุปคือได้ไปเวียงกุมกาม ไปพืชสวนโลก ไปวัดสิงห์ อะไรทำนองนี้ พอบ่ายเราเลยบอกพ่อว่า เราไปม่อนแจ่มกันเถอะ ไปนอนสูดอากาศ ตอนเช้าตื่นมาดูเมฆอะไรก็ว่าไป เพื่อนพ่อก็จิ๊จ๊ะค่ะ ว่าเราไปขัดใจ ทีนี้เราก็ต้องขับรถออกมาทางนอกเมืองแล้ว ผ่านสนามกีฬาที่อยู่เลียบคลองอ่ะค่ะ เป็นเวลาค่ำแล้ว ไม่ถึงม่อนแจ่มสักที พ่อเลยบอกว่า มันมืดแล้วนะหาร้านอาหารแล้วหาที่พักดีกว่า ขึ้นม่อนแจ่มตอนนี้ก็อันตราย เราก็โอเคเพราะพ่อขับรถมาทั้งวันแล้ว
เราก็แวะกินข้าวกันค่ะ แถวทางแยกที่จะตรงเข้าเมือง (สนามบิน) หรือจะเลี้ยวซ้าย เลี้ยวขวาเพื่อไปอีกอำเภอนึง เพื่อนพ่อก็ออกคำสั่ง ว่าไปพักที่อพาร์ทเม้นท์ที่นึงสิ เค้าเคยมาพักบ่อยๆ อยู่อำเภอที่ต้องเลี้ยวซ้ายไป ที่มีต้นไม้อยู่ริมถนนเยอะๆอ่ะค่ะ เราก็เริ่มไม่ชอบ เพราะเราอยากไปพักในเมืองมากกว่า เกิดอารมณ์ไม่พอใจมาก เพื่อนพ่อก็คุยกับเจ้าหน้าที่ตลอดทางเพื่อถามทาง จนเวลาเลยมาถึงประมาณ 4 ทุ่มกว่าแล้ว อำเภอนี้ค่อนข้างเงียบต่างจากในเมืองที่ถนนนิมมาน หรือสวนดอกจะมีไฟเปิดมีร้านเปิดทั้งคืน วนรถประมาณ 4 รอบค่ะถึงจะเจอที่พัก ซึ่งเรากับแม่งงมาก เพราะผ่านที่ตรงนี้หลายรอบมาก แต่ด้วยความที่โมโหและง่วง ก็ได้เข้าไปเช็คอิน ได้ห้องชั้น 3 นะคะ ว่างอยู่ 2 ห้องพอดี
ความแปลกของที่พักนี้นะคะ (ในความคิดเรา) มันอึดอัดมาก วังเวง เงียบผิดปกติ พอเราได้กุญแจแล้วก็จะเดินไปขึ้นลิฟท์ แต่ว่านึกภาพตามนะคะ เรายืนอยู่ชั้น 1 แต่เราต้องเดินขึ้นบันไดประมาณ 5 ขั้นเพื่อขึ้นลิฟท์คล้ายๆเป็นชั้นลอย ซึ่งมันแปลกมากนะไปพักที่ไหนไม่เคยเจอแบบนี้เลย เราก็ขึ้นลิฟท์ไปชั้น 3 พอลิฟท์เปิดก็ต้องขึ้นบันไดเพื่อมาถึงห้อง ห้องเราจะอยู่ติดบันไดพอดีนะคะ เวลาใครขึ้นบันไดเนี่ยจะได้ยินเสียงชัดมาก
พอถึงห้องเราก็เปิดประตูเข้าไปเสียบคีย์การ์ด แม่เราด้วยความที่ปวดฉี่มาก ก็พุ่งไปที่ห้องน้ำเลยค่ะ แม่เราเข้าไปยังไม่ถึง 1 นาที แม่เราก็หน้าตื่นเปิดประตูออกมาแล้วบอกว่า น้ำไม่ไหล แม่เราเลยเก็บของปกติ แล้วก็ไปห้องตรงข้ามซึ่งก็คือห้องพ่อกับเพื่อนพ่อ อธิบายห้องเราก่อน พอเปิดประตูมา ผนังซ้ายมือจะเป็นตู้เสื้อผ้าค่ะ หลังตู้ชนผนัง ตรงข้ามตู้เสื้อผ้าคือเตียงนอน ปลายเตียงเป็นชั้นทีวี โต๊ะเครื่องแป้งอยู่ตรงระเบียง ส่วนห้องน้ำอยู่ติดกับระเบียง
พอแม่เราไปห้องพ่อ เราก็อยู่ในห้องคนเดียว นั่งอยู่ปลายเตียง ทีนี้มองไปในจอทีวีที่ไม่ได้เปิดค่ะ เห็นเป็นผู้หญิงผมฟูมาก เหมือนใส่วิกไม่ได้หวี เสื้อแขนกระบอกสีขาว โผล่มาจากตู้เสื้อผ้าครึ่งตัวค่ะ ซึ่งเรามองไม่ค่อยชัด แต่ในใจกลัวมาก จนแม่เปิดประตูเข้ามา เรามองไปในทีวีก็ไม่มีอยู่แล้ว เลยหันไปดู ไม่มีอะไรค่ะ มีแต่บานประตูตู้เลื่อนเปิดไว้
ทีนี้ตกดึกก็นอนค่ะ แม่เราหลับไปก่อน เรานอนเล่นไวไฟสักพักก็หลับ ทีนี้เราฝันค่ะ ฝันเหมือนเดจาวูว่าเราได้กุญแจห้อง เดินขึ้นบันไดเพื่อขึ้นลิฟท์และมาถึงห้อง ในฝันพอเราเปิดประตูเข้าไปวางของบนเตียงปุ๊ป ประตูห้องน้ำก็เปิดออก เป็นผู้หญิงใส่เสื้อสีขาวแขนสั้น (เหมือนที่คนเหนือใส่ไปวัดทำนองนี้ค่ะ) นุ่งผ้าถุงสีดำ นั่งพับเพียบอยู่ข้างชักโครก บนตักเค้ามีเด็กผู้ชายประมาณ 6-7 เดือนนั่งอยู่หัวเราะเอิ๊กอ๊าก ในฝันเราช็อคค่ะ วิ่งมาห้องพ่อเราที่อยู่ตรงข้าม พอเราหันหลังจะไปปิดประตู ผู้หญิงคนนั้นลุกเดินออกมาจากห้องน้ำค่ะ จูงเด็กมาด้วย ทำหน้าเศร้าใส่เรา แล้วเราก็รู้สึกตัวค่ะ ลืมตาได้ แต่ตัวชา ขยับไม่ได้
เรานอนข่มตาถึงเช้า ก็เก็บของไปอาบน้ำห้องพ่อ รีบเช็คเอ้าท์ออกมา โดยที่ไม่ได้ถามนะคะที่นี่มีประวัติอะไรไหม แต่ที่แปลกคือ ล็อบบี้เงียบมาก ทั้งๆที่มีขนมปัง น้ำ กาแฟเสิร์ฟ เราลงมาตั้งแต่ 8 โมงเช้าจนถึงประมาณ 10 โมง ไม่มีใครสักคนที่ลงมาเลย เหมือนไม่ค่อยมีคนอยู่ ไม่เจอแม่บ้านหรือพนักงานคนอื่นเลยนอกจากคนเดิมที่นั่งล็อบบี้ ที่นี้ก็ขับรถกลับกรุงเทพค่ะ เพื่อนพ่อก็ถามว่าเป็นไงเมื่อคืนนอนหลับสบายไหม เราก็เออออไป
พอถึงนครสวรรค์ก็พักหาอะไรกิน เราก็เลยถามแม่ว่า แม่เจออะไรบ้างไหม แม่ก็เลยเล่าให้ฟังว่า ตอนที่แม่ปวดฉี่วิ่งไปเข้าห้องน้ำ เป็นช่วงที่ไฟเปิดจากคีย์การ์ดพอดี พอแม่กำลังจะนั่งชักโครก ก็เจอผู้หญิงคนเดียวกับที่เราเจอนั่งพับเพียบอยู่ข้างชักโครก เงยหน้ามามองหน้าแม่เราแบบหน้าเศร้าๆ หน้าไม่เละ ไม่มีเลือด แม่เราเลยรีบออกมาแล้วบอกเราว่าน้ำไม่ไหลนั่นแหละ ตอนนอนแม่เรานอนฝั่งที่ติดกับห้องน้ำ แบบหันไปก็เจอค่ะ เค้านั่งที่เดิมไม่ไปไหน แม่เราเลยข่มตาหลับก่อน เราแบบโอ้โห ช็อคมาก มีซิกเซ้นท์จริงแต่ไม่เคยเจอถึงขนาดนี้ เจอแค่เป็นลมผ่านหรือเป็นความรู้สึกแค่นั้น พอถึงกรุงเทพเลยทำบุญอุทิศส่วนกุศลไปให้เค้าค่ะ เราก็ผวาไปพักนึง ซึ่งช่วงที่เราผวานี่แหละค่ะทำให้มีเหตุการณ์แปลกๆอีกเรื่องนึง ที่เกี่ยวกับหอพักของเพื่อนเรากรุงเทพ
หลังจากที่เรากลับมาจากเชียงใหม่ ก็มีโปรเจ็กต์ทำ MV ประกอบเพลง ซึ่งเราก็เตรียมทุกอย่างไว้พร้อมหมด รวมถึงสถานที่ถ่ายทำด้วย คือใช้หอของเพื่อนของเพื่อนเราอีกทีนึงเป็นสตูถ่ายฉากขาวทำนองนี้ เพื่อนเราก็ดีลกับเพื่อนของมันให้ เป็นหอพักที่อยู่ย่านจรัญสนิทวงศ์ ไม่ใกล้ไม่ไกลจากบ้านเรา รวมถึงนักแสดงด้วย ไปมาสะดวกสนิทกันก็ไม่มีปัญหา เพื่อนบอกว่าหอโอเคนะ ผนังสะอาด เราก็โอเคไม่ได้ไปดูสถานที่เลย รอไปวันเปิดกล้องทีเดียว
ทีนี้ก่อนวันจะไปเปิดกล้อง เรารู้สึกไม่สบาย นอนหลับตั้งแต่กลางวัน แล้วเราก็ฝัน ในฝันเป็นตอนกลางวัน เรามาอยู่ที่หน้าหอพักนึงสีขาว ดูเก่าๆ หน่อย เราก็เดินเข้าไปขึ้นบันไดไป เพื่อนของเพื่อนเรามาเปิดประตูให้แล้วบอกให้เข้ามาก่อน เราก็เข้าไปในห้อง สักพักเพื่อนก็หายไป เราก็เลยเข้าห้องน้ำไปล้างมือ โดยที่ไม่ได้ปิดประตูห้องน้ำ ระหว่างที่เรากำลังล้างมือ เราได้ยินเสียง แกร๊ก แกร๊ก แกร๊กกกกก แล้วก็ตามมาด้วยเสียงเหมือนคนเอามือถูอะไรสักอย่าง
พอเราล้างมือเสร็จแล้วก็กำลังจะออกจากห้องน้ำ สิ่งที่เราเห็นคือ ช่องว่างใต้ประตูห้อง มีมือผู้ชายคนหนึ่ง พยายามจะสอดเข้ามา เอาเล็บขูดประตูดังแกร๊กๆ และพยายามเอามือถูๆพื้น มือผู้ชายคนนั้น มีรอยเหมือนโดนมีดแล่เนื้อ (นึกภาพเวลาปลาที่โดนบั้งเป็นขีดๆ แบบนั้นอ่ะค่ะ จะเห็นเนื้อตรงกลาง) เราตกใจมาก หันหลังจะกล้บไปห้องน้ำ ผู้ชายคนนั้นมายืนอยู่ต่อหน้าเลยค่ะ ผมเปียกน้ำหยดติ๋งๆ เลย ใส่เสื้อโปโลสีดำ กางเกงขา 3 ส่วนแบบที่ผู้ชายใส่กันอ่ะค่ะ ไม่มีหน้าค่ะ หน้าเป็นสีดำหมดเลย ตามเนื้อตัวโดนมีดบั้งๆ ทั่วตัว แล้วเค้าก็วิ่งไปทางระเบียงหายไป
เราสะดุ้งตื่นขึ้นมา เหงื่อท่วม ตัวเย็นตัวชาไปหมดเลย ช็อคมากๆ แต่เราก็นึกว่าเราไม่สบาย นั่งจนตัวหายชาก็ทำตัวปกติ ไม่ได้เล่าให้ใครฟัง
วันรุ่งขึ้น เราก็เดินทางไปยังหอนี้ซึ่งอยู่ในซอยจรัญสนิทวงศ์ หอนี้ก็มีซอยย่อยๆ ออกไปอีก ตอนแรกก็คิดว่าเออดีนะ ซอยนี้คนเยอะดี ไฟเปิดตลอดทั้งคืน มีเซเว่นด้วย เพื่อนของเพื่อนเราเป็นผู้หญิง สะดวกดี พอคนครบของครบ มันไม่ใช่น่ะสิ หอต้องเดินเข้าซอยยิบย่อยไป บ้ายบายผู้คนร้านค้า อยู่สุดซอยที่มีสังกะสีเขียวกั้นไว้ ข้างหลังสังกะสีนั้นเป็นดงกล้วยหรือร่องสวนนั้นแหละ รวมถึงหลังหอของเพื่อนนี้ด้วย เรามองหอแล้วรู้สึกแปลกๆเหมือนคุ้นๆว่าเคยเห็น เป็นหอสีขาว ดูเก่าๆ หน่อย แต่มีผ้าตากไว้ที่ระเบียงเยอะพอสมควร แสดงว่ามีคนอยู่เยอะ
เพื่อนของเราที่เป็นคนดีลยกมือไหว้ศาลหน้าหอ เป็นศาลปูนสีเงินระยิบระยับ แต่ไม่มีของบูชาอยู่เลย เราก็ไหว้ตาม และก็รีบตามเพื่อนของเพื่อนเข้าไปในหอ ขึ้นบันไดทางขวามือ (มีบันไดสองฝั่ง) เพราะเพื่อนบอกว่าห้องอยู่ติดบันไดพอดี เราก็เอะใจ ทำไมสีบันไดมันคุ้นๆ แต่ในใจคิดว่า เหมือนหอเพื่อนคนอื่นๆก็ได้ที่บันไดเป็นสีส้มไม่น่าจะแปลกอะไร พอเพื่อนพาเดินมาถึงชั้นสาม มันบอกถึงแล้ว เรานี่ตัวเย็นวูบเลย ห้องติดบันไดมาก ติดจริงๆ ชนิดว่าใครเดินขึ้นบันไดมาแล้วเปิดประตูห้องออกมามีสิทธิ์หงายลงไปได้เลย บันไดฝั่งนี้แคบมากๆ เราก็แบบทำไมมันคุ้นจัง พอเปิดประตูเข้าไป ของที่เราแบกมาหล่นเลย ขาอ่อนเลย เหมือนในฝันเป๊ะ ห้องน้ำ ระเบียง หอเพื่อนคนอื่นๆไม่ใช่แบบนี้แน่ เราก็ยังนิ่งอยู่ สนใจงานก่อน เพราะนักแสดงที่เอามาไม่ค่อยสนิทเท่าไหร่ ไม่อยากรบกวนเค้ามาก
การถ่ายราบรื่นไม่มีปัญหา จนปิดกล้องประมาณสามโมงเย็น ส่งนักแสดงกลับ พวกเราสาวๆก็เม้ามอยกันต่อ เม้าท์ไปมา วนเข้าเรื่องแปลกๆจนได้ เพื่อนของเพื่อนเราชื่อ ตี้ กับ ใหม่
ตี้ เนี่ยจะชอบฟังเรื่องผีพอสมควร และมีเซ้นส์อ่อนๆ แบบ เห้ยแกเราก็รู้สึกนะ ประมาณนี้ ส่วน ใหม่ จะเป็นแบบว่า เห้ยถ้ารู้แล้วไม่สบายใจไม่รู้ดีกว่า พยายามคิดว่าไม่มีอะไร เพราะไม่เคยเจอ เย็นวันนั้น ใหม่ ต้องไปทำงาน ก็เหลือเรา เพื่อนเรา และ ตี้
ตี้ เนี่ยเชื่อเรื่องพวกนี้ เราก็เลยเล่าให้ตี้ฟัง ตี้ตกใจมาก บอกว่าเห้ย ห้องนี้แปลกจริงๆ นะ ใครมาทักหมดเลย ว่ามันผิดทิศทุกอย่าง และตอนที่มาดูหอ เหลือห้องนี้ห้องสุดท้ายด้วย ผิดทิศที่ว่า คือ 1. ห้องติดกับบันไดมากจนเกินไป เกินไปจริงๆ ใครเดินได้ยินเสียงหมดเลย ไฟก็มืด น่ากลัว 2.เตียงที่นอน ตี้บอกว่าตอนแรกที่เข้ามาอยู่ หัวเตียงชนกับผนังที่ติดบันไดพอดี เพื่อนมาก็ทัก นอนติดบันไดไม่ดีนะ เลยช่วยกันย้ายไปอีกทาง คือหันหัวไปทิศตะวันตก ซึ่งคนโบราณบอกว่า คนที่นอนหันหัวไปทิศตะวันตกก็คือคนตาย
อธิบายห้องก่อน เปิดประตูห้องเข้าไป เจอห้องน้ำอยู่ตรงข้ามพอดีเลยนะ ประตูห้องน้ำกับประตูห้องตรงกันพอดี ซ้ายมือเป็นมุมโต๊ะเครื่องแป้ง ขวามือก็คือเตียงนอนด้านปัจจุบัน หันไปทางไหนไม่ได้แล้ว
3.ไฟบนเพดาน ปกติที่เราไปหอคนอื่น ไฟบนเพดานจะอยู่กึ่งกลางของห้องพอดี แต่ห้องนี้ จะมีขื่ออยู่บนหัวนอน และไฟจะอยู่ในร่องขื่อพอดี เวลาเปิดไฟ ห้องจะไม่ได้สว่างเลย จะสว่างแค่ตรงหัวนอนที่เดียว ตี้บอกว่าเคยไปห้องรุ่นพี่ที่อยู่อีกชั้น ไฟอยู่ตรงกลาง มีห้องมันห้องเดียวที่ไฟอยู่ร่องขื่อแบบนี้
4.ตี้บอกว่า เวลาประมาณ ตี4-ตี5 จะมีเสียงคนเดินย่ำน้ำในร่องสวนทุกวัน ย่ำไปมาสักพักมีเสียงส่วบ ส่วบ เหมือนฟันอะไรสักอย่าง ตี้แอบดูก็ไม่เห็นเจอใครเลย เลยคิดในแง่ดีว่าอาจจะเป็นลุงป้ามาตัดกล้วยก็เป็นได้
5.ข้าวของในห้องปิดเปิดเอง ของถูกย้ายบ้าง ซึ่งตี้คิดว่าอาจจะเป็นใหม่ที่ลืมปิดหรือเปล่า แต่มีครั้งนึงที่มีเพื่อนมาที่หอแล้วจะออกไปเซเว่น ปิดสวิตต์ไฟหมดแล้ว พอกลับมา สวิตต์ไฟเปิดอยู่ และอีกหลายสิ่งหลายอย่าง
สุดท้ายพวกเราก็แยกย้ายกันกลับ วันรุ่งขึ้น เราเลยไปบอกตี้ว่าเห้ย หอแกมีศาลนะ แกลองไปไหว้ศาลดู เพราะเราเห็นว่าศาลไม่มีของไหว้เลย เจ้าที่เลยอาจจะไม่อยู่ดูแล ถ้ามีคนไปไหว้ เจ้าที่ก็อาจจะกลับมาปกป้องดูแลนะ รู้ไหมคะ ตี้กับ ใหม่มองหน้าพร้อมกันเลย บอกเราว่า ศาลอะไรของแก ? หอฉันไม่มีศาลนะเว้ย ไม่มีมานานแล้ว ตั้งแต่ฉันย้ายเข้าไปไม่เคยมีศาลอยู่หน้าหอเลย เรากับเพื่อนเถียงขาดใจ บอกว่าแกจะบ้าเหรอ ศาลสีเงินฉันเห็นกับตา ไหว้ทั้งคู่เลย อยู่ทางเข้าหอซ้ายมือเลยนะ ตี้กลับไปถ่ายรูปมาให้ดู ช็อครอบสองค่ะ ไม่มีศาล ไม่มีอะไรเลย แถมมันไปถามเจ้าของหอมา เจ้าของบอกว่าที่นี่ไม่มีศาลมานานแล้ว หลายปีมากๆ
ทุกวันนี้เราก็ยังหาคำตอบจากใครไม่ได้ ผู้ชายคนนั้นเป็นใคร ศาลหายไปไหน ทำไมห้องเพื่อนถึงเป็นห้องเดียวที่ผิดทิศ
เราเคลียร์งานเสร็จก็ทำบุญเหมือนเดิมเลยค่ะ อุทิศส่วนกุศลไป ช่วยเท่าที่เราช่วยได้ ตอนนี้ ตี้กับใหม่ก็หาหอใหม่ค่ะ ถ้าเจอหอใหม่ก็พร้อมจะย้ายออก เพราะคนทักหลายคนมากๆ ยิ่งเจอเราทักเรื่องที่เราฝันนี่ยิ่งคิดหนักใหญ่
ที่มาสมาชิกหมายเลข 760286
ติดตามอ่านเรื่องเล่าผีต่อได้ที่ คลังหลอน