ก่อนอื่นต้องขออกตัวก่อนเลยนะครับว่า เรื่องที่เกิดขึ้นนี้โปรดใช้วิจารณญานในการอ่านค่อนข้างมาก เรื่องนี้เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นจริง แต่ต้องมาแต่งขึ้นมาในแนวเรื่องแต่งขึ้นเพื่อปกปิดชีวิตจริงและความเป็นส่วนตัวนะครับ ถ้าใครไม่เชื่อก็ถือว่ามาอ่านเรื่องแต่งขึ้นเล่นๆละกันนะครับ
ในช่วงเวลาที่ยังเด็ก ผมมักถูกเตือนอยู่สองเรื่องว่า
ในคืนวันพระและก่อนวันพระนั้น ไม่ให้ออกไปเล่นนอกบ้าน ตั้งแต่ช่วงเวลาเย็นเป็นต้นไป ซึ่งตอนนั้นยังเด็กก็ไม่ได้คิดว่ามันเป็นเรื่องใหญ่ พอโตขึ้นมากว่านั้นอีกสักหน่อยยังงงว่าทำไมต้องเป็นแบบนั้น แต่ก็ไม่ได้คิดมากอีกทั้งเป็นเด็กที่ไม่ชอบออกกำลังกายอยู่แล้ว เลยไม่มีปัญหาอะไร
กับอีกเรื่องห้ามเล่นซ่อนหาเวลากลางคืน เพราะจะมีบางสิ่งหรือที่เรียกว่าผีจะมาเล่นด้วย และจะมาบังทางไม่ให้เราเห็นคนอื่นๆ และคนอื่นๆก็จะไม่เห็นเรา
ในตอนเด็กก็เชื่อเป็นตุเป็นตะว่ามันเป็นเรื่องจริง เพราะความเชื่อเหล่านี้ก็ยังคงมีอยู่ ในต่างจังหวัด ผ่านประสบการณ์ต่างๆของผู้เฒ่าผู้แก่ และหลายๆสิ่งซึ่งสามารถหาเหตุผลทางวิทยาศาสตร์อธิบายได้แล้ว แต่ก็มีบางอย่างที่เป็นข้อที่ต้องพิสูจน์กันต่อไป
พอโตขึ้นมาในช่วงวัยรุ่น เป็นวัยที่อยากรู้อยากเห็น หรือเริ่มที่จะไม่ค่อยเชื่อฟังคำของพ่อและแม่ หรือผู้เฒ่าผู้แก่ ก็เริ่มที่จะเปลี่ยนไป และสนใจคำอธิบายทางวิทยาศาสตร์ที่เพิ่มขึ้น
ต้องย้อนกลับไปในช่วงชีวิตวัยที่อาศัยอยู่ในแถบและในถิ่นมหาวิทยาลัยแห่งหนึ่งของประเทศไทย แม้จะไม่ไกลจากปัจจุบันนี้มาก แต่ความแตกต่างในช่วงไม่กี่ปีมานี้ก็มีการเปลี่ยนแปลงแบบก้าวกระโดดอยู่เหมือนกัน
เป็นคืนฤดูร้อน ที่เงียบ เนื่องจากนักศึกษาส่วนใหญ่กลับบ้าน ช่วงปิดเทอมก่อนซัมเมอร์แม้จะหยุดไม่ยาวมากนัก นักศึกษาส่วนใหญ่ก็เลือกที่จะกลับบ้านมากกว่าอยู่ภายในมหาวิทยาลัยต่อ จึงทำให้มหาวิทยาลัยเงียบลงอย่างถนัดตา เป็นทั้งภายในมหาวิทยาลัยเอง และบริเวณรอบๆด้วย เช่นกัน
มีกลุ่มนักศึกษากลุ่มหนึ่งได้เช่าบ้านอาศัยอยู่ร่วมกัน บ้านที่เช่าอยู่นั้นอยู่ไม่ไกลจากรั้วมหาวิทยาลัยเท่าไร แต่ระยะทางที่คดไปมาเลยทำให้ รู้สึกว่าอยู่ไกลพอสมควร ถนนทางเข้าบ้านที่เช่านั้นเป็นถนนคอนกรีต แต่ไหล่ทางทั้งสองข้างนั้นกลับไม่ค่อยมีสิ่งปลูกสร้าง ถึงมีแต่ต้นไม้ บ้านสักหลังก็ไม่ได้ปลูกอยู่ติดกัน ห่างกันพอสมควรก่อนที่จะหนึ่งหมู่บ้านเล็กๆไม่กี่หลัง ที่ปลูกอยู่ไกลกัน เนื่องด้วยพิษเศรษฐีกิจตอนปี 40 เลยทำให้ที่แถบนี้เลยเว้นจากการพัฒนาต่อ
บ้านที่พวกผมเช่าหลังนี้เป็นบ้านที่เหล่าเศษฐีเขาเก็งกำไรไว้ แต่เกิดวิกฤต 40 ก่อนเลยทำให้ หลายๆหลังยังไม่มีคนมาซื้อ หรือซื้อไว้ยังไม่เข้ามาอยู่ เพราะไม่มีเงินซื้อของเข้ามาอยุ่ในบ้านหลายๆหลังได้
ผมและเพื่อนๆเป็นเด็กต่างจังหวัดที่บ้านพอมีฐานะบางแต่ก็ไม่ได้รวยอู้ฟู่ที่จะซื้ออะไรที่เกินความจำเป็นได้นัก แค่พออยู่พอกิน การมีรถจักรยานยนต์ จึงไม่เป็นปัญหาสำหรับการเดินทาง ที่จะเข้าออกบ้านเช่าหลังนี้
คืนนี้เป็นคืนเดือนมืด ที่ไร้ลมพัด และไร้เสียงแมลงกรีดร้องใดๆ ซึ่งต้องถือเป็นเรื่องที่แปลกมาก(มากๆๆๆๆๆ)ในตอนนั้น แต่ก็ยังคิดไม่ออกว่าแปลกยังไง เนื่องด้วยประสบการณ์เรื่องผียังน้อยนิด บวกกับเชื่อเรื่องวิทยาศาสตร์มากกว่า เลยทำให้ไม่คิดว่าจะมีอะไรที่กำลังจะมา คิดเพียงแค่ว่าผิดปกตินิดหน่อยเท่านั้นเอง
ลืมบอกไปว่าได้เช่าบ้านอยู่กับเพื่อน 4 คน เป็นเพื่อนสนิทที่เรียนอยู่โรงเรียนเดียวกัน มี นก ไม้ โจ และผม(เอส) ที่ออกมาเช่าบ้านเพราะไม่ชอบกฎเกณฑ์ของหอ และค่าไฟที่ค่อนข้างแพง รวมๆแล้วถ้าเช่ากัน 4 คนแบบนี้ หารกันก็จะประหยัดมากกว่า
อยู่ๆคืนนั้นทุกๆอย่างก็ช่างเป็นใจเหลือเกิน เริ่มจากอินเตอร์เน็ตที่เล่นได้ในช่วงเย็นกลับไม่มีสัญญาณ (สมัยนั้นอินเตอร์เน็ตยังไม่ดีเท่าตอนนี้ แล้วอย่าพูดถึง 4G เลยตอนนั้น แค่ 2G ให้มันชัดก็ดีแล้ว) โทรไปหาศูนย์ก็บอกว่าสายล้ม ช่างกำลังแก้ไขอยู่ ไม่สามารถบอกเวลาแก้ไขเสร็จได้ อันนี้ก็เซ็งแล้วรอบหนึ่ง รายการทีวีก็มีแต่รายการที่น่าเบื่อ อันนี้ก็เซ็งอีกรอบ
ไอ้เพื่อนสามตัวดีเห็นว่าคืนนี้ไม่มีลม บวกกับอยู่เฉยๆไม่รุ้จะทำอะไรจึงชวนไปตีแบต ตีที่นอกบ้าน อาจเป็นเพราะว่าพวกมันพึ่งรู้ว่า ผมพึ่งผ่านประสบการณ์เห็นผีในมอมา พวกมันกลัวผมเห็นอีก (แต่ในความคิดของผมพวกมันนั้นละกลัวผีเลยไม่กล้าเข้าไปในมอ) ช่วงนั้นเวลาหัวค่ำประมาณ 1-2 ทุ่มนี้ละมั่ง ก็พากันยกโขยงกันออกมาที่หน้าบ้าน เปิดไฟทุกดวงตรงหน้าบ้านเพื่อให้แสงสว่างพอที่จะได้มองเห็นลูกแบตสีขาวอันเล็กได้อย่างชัดเจน
ไอ้นกกับไม้อยู่ทีมเดียวกัน ผมอยู่กับไอ้โจ หลังจากกันเขตแดนเสร็จ ไม่ยากครับเอาบล็อคคอนกรีตนี้ละครับ เป็นตัวแบ่งเขต พอเริ่มตีแบตกันได้สักพัก ช่วงเวลาสนุกสนานก็ผ่านไปเรื่อยมาจนถึงเวลาประมาน 4 ทุ่มกว่าๆ เนื่องจากตรงข้ามบ้านที่เช่าอยู่นั้นเป็นที่เปล่าไม่มีสิ่งปลูกสร้าง มีแต่โรงเก็บรถเก่าๆเก็บรถไว้หนึ่งคัน ของคนข้างบ้าน ที่ไม่ค่อยจะมาอยู่เท่าไร นานๆก็จะเห็นมาที ซึ่งโรงเก็บรถนั้นก็ไม่ได้ใช้งานนานแล้ว และริมรั้วมีต้นกล้วยที่มีตำนานอยู่(วันหลังจะเล่าให้ฟัง) ผมก็เริ่มสังเกตเห็นใบกล้วยเริ่มไหวไปมา
ในนาทีแรกคิดว่าเป็นลมพัดธรรมดาเลยไม่สนใจอะไร ก็ตีแบตเล่นต่ออย่างสนุกสนานพร้อมเสียงดังของกลุ่มเด็กหนุ่ม ไอ้หมาบ้านถัดไปก็เริ่มส่งเสียงเห่า เห่าแบบไม่หยุด จนเจ้าของมันก็ออกมาสั่งให้มันหยุดมันก็ไม่หยุด เลยกลับเข้าไปในบ้านเอาขนมมาล่อมันให้มันหยุดเห่า เพราะเกรงใจคนระแหวกบ้าน ซึ่งมันก็หยุดเห่าลงจริงๆ ในทันใดนั้น เหมือนเขาจะเห็นอะไรบางอย่าง ก็รีบลากหมากลับเข้าไปในบ้าน ให้มันผิดสังเกต
เหมือนมีอะไรก็ไม่รู้มีอะไรดลใจให้สังเกตที่ใบกล้วยนั้นอีกครั้ง ถ้าในเวลาปกติ เวลาที่ลมพัด ต้นไม้ทั้งต้นรวมถึงใบทั้งหมดมันสั่นไหวไปตามแรงลม แต่ในเวลานี้มีเพียงใบกล้วยใบเดียวที่สั่น ผมเองเริ่มผิดสังเกตบาง แต่ยังไม่ได้สนใจอะไรเนื่องจากห่างหายการเห็นผีมาสักพักใหญ่ ก็ตีแบตกับเพื่อนต่อซึ่งด้านที่ผมตีนั้นหันหน้าเข้ากับต้นกล้วยพอดี ขณะทีตีเบาๆแต่ลูกนั้นกลับดันไกลถึงบริเวณต้นกล้วย แต่มันก็ไม่ได้ใกล้มาก ประมาณ 6 เมตรมั่ง ผมก็เริ่มสังหรณ์ใจไม่ดีแล้ว เหมือนเห็นภาพทับซ้อนกัน ขณะที่ไอ้ไม้ก้มลงเก็บลูกแบต ในจังหวะที่กำลังก้มลงนั้น แม้จะไม่กี่วินาที ร่างสีดำๆสูงประมาณ 2 เมตร แขนยาวถึงพื้น ขาเล็กลีบบาง สายตาที่เขามองไปยังลูกแบตแล้วก็เงยหน้าขึ้นมามองผม เหมือนสายตาประสานกัน
เมื่อสายตาประสานกัน เป็นการบ่งบอกแล้วว่าคุณเห็นผม และผมก็เห็นคุณ เหงื่อที่ออกเยอะอยู่แล้ว เริ่มที่จะออกมากขึ้น จนไอ้โจแซวว่า “ทำไมเหงื่อออกเยอะจังวะ” อยากตอบมันไปว่า “ลองมาเห็นแบบกูดิ” แต่ก็ตอบไม่ได้
ไอ้เรานี้สิรู้ว่าฝ่ายนั้นมันรู้ว่าเราเองก็เห็นมันแล้ว แต่กลัวไอ้ 3 ตัวนี้ ถ้าทั้ง 3 วิ่งเข้าบ้านหมดก็ไม่น่าจะมีปัญหาเท่าไร แต่ถ้าจะวิ่งไปคนละทิศละทางเรื่องมันจะไม่น่าที่จะจบง่ายๆ
การที่จะบอกว่าเห็นอะไรอยู่พวกมันคงจะไม่เชื่อ กว่าจะอธิบายอะไรหลายๆอย่าง เราก็ไม่รู้ว่าเขาจะมาดีหรือมาร้าย เลยตัดบทว่า “ไม่ค่อยมีลมนิหว่าเหงือก็ต้องออกเยอะดิ แล้วกูก็เหนื่อยแล้วด้วย เลิกเลยได้เปล่าว่ะ” ไอ้ไม้อยู่ไกลสุดกลับตระโกนกลับมา “อ่อนว่ะ” “เออกูอ่อน” ร้องไห้แต่ไม่ได้พูดนะ 555
ในจังหวะนั้นร่างที่สูงประมาณ 2 เมตรนั้น มือหนึ่งดึงใบกล้วยอยู่ ส่วนเท้าก็ได้แตะลูกแบตที่พึ่งตีไปกลิ่งออกมานิดหน่อย ไอ้ไม้มันนึกว่าลม เลยตามเก็บอีก ส่วนผมคิดว่าเขาไม่น่าจะมาดีแน่นอน ได้แต่ยื่นขาแข็ง สติแทบหลุด ไม่เคยเจอเห็นพวกนี้ขยับตัวมาก่อนเพราะก่อนหน้านั้น จะเห็นแค่วิสองวิก็หายไปแล้ว
พอไอ้ไม้เก็บเสร็จพร้อมกลับมาประจำที ร่างๆนั้นก็หายไป เลยบอกกลุ่มเพื่อนว่าเหนื่อยแล้วอยากอาบน้ำแล้วด้วย เผื่อเน็ตมันมาแล้วเข้าบ้านเถอะ ส่วนไอ้เพื่อนๆทั้งหลาย พวกมันยังบอกว่ายังไม่เหนื่อยเลย อย่าอ่อนดิวะ ตอนนั้นตอบเลยว่า เออ กู อ่อน ถ้ามาเห็นแบบกูนิ อยากรู้ว่าจะอ่อนหรือเปล่า มันเลยขออีก 10 ลูก พวกมันคนอื่นๆก็ขอด้วย ตอนนั้นด้วยเหตุอะไรไม่รู้เลยเออ….ไปกับพวกมัน อาจจะเป็นเพราะว่าร่างๆนั้นหายไปแล้ว เลยคิดว่าไม่น่าจะมีอะไรเกิดขึ้นแล้วละมั้ง ไว้พอรุ่งเช้าค่อยไปตักบาตรน่าจะโอเครเหมือนครั้งก่อนๆ
พวกมันก็โอเคร เริ่มนับลูกแรก คุณผู้ชายร่างสีดำร่างนั้นก็กลับมาอีกครั้งและมองมาที่พวกผม ในขณะที่เกมเริ่มไปเรื่อยๆใกล้จะจบ เงาดำๆอีกเงาก็กระโดดขึ้นมาหลังโรงรถ ลมเริ่มพัดมาจากทุกทีทุกทาง จากลมเบาๆ ที่ยังพอตีแบตต่อไปได้ พออีกลูก 3 สุดท้าย ไอ้โจที่อยู่ข้างผมกลับเริ่มทำตาลุกลี้ลุกลนบอกขอเพื่อนๆที่เหลือว่ากลับเข้าบ้านเถอะ
ไอ้สองตัวที่เหลือบอกว่างั้นขออีกลูกละกัน แต่ลูกแบตเจ้ากรรมดันตกไปข้างหลังผมที่ไกลไปสักหน่อย พวกมันเลยใช้ผมให้ไปเก็บลูกแบต พอผมเดินเท่านั้นละกลิ่นอันไม่ค่อยเสน่ห์หากลับลอยมากระทบจมูกเข้าอย่างจัง แต่ต้องรีบเพราะอยากให้มันจบลงเร็วๆเช่นกัน ตอนที่ก้มลงไปเก็บลูกนั้น สายตาก็ดีเหลือเกินที่ไปเห็นเท้าสีดำๆที่ห่างออกไปข้างหน้าผมประมาณ 1 เมตร พร้อมกำลังที่จะก้าวมายังผม
เลยหลับตาแล้วรีบเก็บลูกขนไก่ พอหันหลังกลับเท่านั้น ยังไม่ทันจะลืมตาเลยด้วยซ้ำ หมาเริ่มหอน จาก 1 เป็น 2 ก่อนแล้วค่อยไปเรื่อยๆ จนทั่วบริเวณนั้นทั้งหมด อะไรทำให้จังหวะดีแบบนี้ พอลืมตาขึ้นมาดูถึงกลับเข่าอ่อนเพราะมีอีกเงามายืนใต้เสาไฟข้างฝั่งขวามือที่ไม่ห่างจากที่พวกผมกำลังตีแบตอยู่ แม้จะไม่สูงเท่าเงาแรก แต่ก็อยู่ในชุดขาว ผมยาว ตาสีแดง เห็นได้ชัดเจนกว่าครั้งที่ผ่านๆมา ตัวผมเองก็คิดอะไรไม่ออกแล้ว รู้อย่างเดียวต้องกลับเข้าบ้านให้เร็วที่สุด เพื่อนก็ไม่สนใจแล้วในตอนนั้น วิ่งแบบสุดชีวิตเข้าไปในบ้านเลย
พอเพื่อนเห็นว่าผมแปลกๆไป เลยรีบวิ่งกลับเข้ามาในบ้านตาม ไม่รู้ว่าฟ้าเป็นใจหรือโชคช่วย ทุกคนวิ่งกลับเข้ามาอยู่ในบ้าน ก่อนที่เสียงหมาจะเห่าหอนทั่วทั้งบริเวณ เมื่อเสียงสิ้นสุดลง ผมคิดว่าเรื่องทั้งหมดจะจบลงแล้ว คิดว่าพวกเขาคงจะกลับไปที่ที่เขามาแล้ว ผมคิดผิด พอหลังหลังกลับไป ผมกับเพื่อนๆเห็น ร่าง 2 เมตรเดินมาจากฝั่งซ้าย ชุดขาวอยู่ด้านขวาตรงเสาไฟที่เดิม ส่วนร่างที่อยู่บนหลังคาโรงเก็บรถก็กระโดดลงมา พร้อมมาอยุ่หน้าบ้าน กันทั้ง 3 ร่าง พร้อมกับเสียงหัวเราะแหล่มๆเบาๆ ก่อนที่จะหายไปทั้ง 3 ร่าง
พวกผมทั้ง 4 คนต่างก็เห็นเหมือนกัน ในคืนนั้นทุกคนต่างไม่ยอมนอนห้องใครห้องมัน นอนกองรวมกันอยู่ห้องผม ก่อนที่จะตื่นเช้า มาใส่บาตร อย่าเรียกว่าตื่นเลยครับ เรียกว่ายังไม่นอนดีกว่า