เรื่องที่จะเล่าต่อไปนี้เกิดขึ้นเมื่อสัก 5-6 ปีมาแล้ว เป็นเรื่องแปลกชวนขนลุกที่เราได้ประสบเจอมากับตัวเอง รวมถึงเพื่อนที่เคยอาศัยอยู่ ณ ที่หอพักแห่งนี้ ก็เจอเช่นกัน สำหรับบางท่านอาจไม่น่ากลัว แต่ถ้าได้เจอแบบเรา เราว่าก็คงย้ายออกเหมือนเรา เริ่มเรื่องเลยก็แล้วกัน..
เราเป็นนักศึกษาอยู่ที่มหาลัยชื่อดังย่านรังสิต โดยเราอยู่หอกับเพื่อนแถวๆหน้าเมืองเอก ซึ่งเป็นหอใหม่ใกล้ๆร้านเหล้าที่เคยมีข่าววัยรุ่นขี่มอเตอร์ไซค์ยิงกัน ด้วยความที่ช่วงแรกๆเราอยู่กับเพื่อนหลายคนมาก นอนกันทีนึงก็ 5-6 คน เล่นเกมส์โหวกเหวกโวยวายกันทั้งคืน (เพื่อนส่วนใหญ่เป็นผู้ชายค่ะ)
ในช่วงที่เข้ามาอยู่แรก ๆ ระยะเวลาเดือนกว่าๆ เป็นการอยู่อาศัยที่สงบและปกติดี จนเกิดเหตุการณ์ขึ้นครั้งแรกที่ทำให้เราสงสัยมาจนถึงทุกวันนี้
คืนนั้นเราออกไปกินเหล้ากับพวกเพื่อนๆ แต่เราเกิดทะเลาะกับแฟน ถึงขั้นร้องไห้ เราก็เลยขอตัวกลับก่อน โดยมีเพื่อนผู้ชายที่สนิทกับเราที่สุดในกลุ่ม กลับมาพร้อมกับเรา เรากลับมาถึงห้องประมาณเที่ยงคืน ด้วยความเพลียบวกกับร้องไห้หนักมากจึงเผลอหลับไป ส่วนเพื่อนยังนั่งเล่นเกมส์อยู่
นอนไปได้สักพักเราก็สะดุ้งตื่นเพราะเพื่อนมันมาสะกิดบอกให้เรานอนดีๆ เพราะมันจะนอนเหมือนกัน นี่คือแปลนห้องเราคร่าวๆจะได้เห็นภาพชัดเจนในการเล่า โดยเพื่อนเราจะนอนด้านใน เรานอนด้านนอก
นอนปิดไฟไม่ถึง 5 นาที จู่ ๆ เราก็เห็นแสงไฟ แว้บ! ที่ปลายเท้าตรงหน้าทีวี เรากับมันร้อง เห้ย!! ลุกขึ้นนั่งพร้อมกัน แล้วมันก็หันมาถามว่า ‘ เห็นปะวะ’ เราก็เลยตอบไปว่า ‘เออ กูก็เห็น’
ยอมรับว่ากลัวมาก แต่ไม่มีใครกล้าลุกไปเปิดไฟ เพราะสวิตช์ไฟมันอยู่ตั้งหน้าห้องน้ำ เพื่อนคงรู้ว่าเรากลัวมากมันก็พูดปลอบใจว่า ‘เออๆไม่มีอะไรหรอก นอนๆ’ พร้อมกับลูบหัวให้เรานอน เราก็นอนไปสั่นไปพร้อมกับถามกันว่าใครชาร์จแบตโทรศัพท์ไว้ที่พื้นหรือเปล่า หรือว่าไฟฟ้าลัดวงจร ก็ไม่ใช่ทั้งคู่ คุยกันแบบกระซิบเพราะกลัวกันมาก
คุยกันไม่ถึง3นาที แสงมันก็แว้บ!ขึ้นมาอีกรอบ ทีนี้เราเริ่มสติแตกนอนกอดกันกลม ไม่มีใครพูดอะไรทั้งห้องเงียบสงบ ได้ยินแต่เสียงแอร์ แทบจะนอนคลุมโปงเลยก็ว่าได้ หน้าเรานี่ซุกกับเพื่อนไม่กล้าเงย เราก็พยายามข่มตาให้รีบๆหลับจะได้ไม่ต้องเจออะไรอีก พยามคิดตลอดว่าบางทีมันอาจไม่มีอะไรหรอก
ผ่านไปเกือบ10นาที เรากับเพื่อนก็ต้องสติแตกกันอีกครั้ง ในห้องที่กำลังเงียบสงบ จู่ๆคราวนี้ก็มีเสียงดังขึ้น แต่มันไม่ใช่เสียงพูด เสียงร้อง หรือเสียงตะโกน หัวเราะอะไรทำนองนั้น แต่มันเป็นเสียงเหรียญหล่นจากโต๊ะคอม เสียงเหรียญแน่นอน และดังใกล้มากไม่ใช่ห้องอื่นแน่ๆ (คือเพื่อนเราพวกผู้ชายด้วยความมักง่ายมันจะชอบเอาพวกเหรียญที่ได้เป็นเงินทอนซื้อของมากองๆไว้บนโต๊ะคอม) เรากับเพื่อนสะดุ้งทั้งคู่ คิดในใจว่าไม่ใช่แล้ว ไม่ใช่แน่ๆ กลัวฉี่จะแตกแทบจะร้องไห้ เราก็นอนกอดกันอยู่แบบนั้นด้วยความกลัวมากจนหลับไป หลับไปตอนไหนไม่รู้จริงๆรู้แต่ว่านานมากเป็นชั่วโมงได้
พอตื่นเช้ามาสิ่งแรกที่เราเห็นก็คือเหรียญ5บาทตกอยู่ที่พื้น1เหรียญ นั่นก็แสดงว่าสิ่งที่เราได้ยินเมื่อคืนมันเป็นเรื่องจริง แล้วสิ่งที่เราสงสัยต่อมานั่นก็คือ เหรียญมันตกลงมาได้อย่างไร พอเพื่อนเราตื่นมันก็บอกให้เราไปอาบน้ำแล้วออกไปกินข้าวกัน (สรุปคืนนั้นมีเรากับมันกลับห้องมานอนกันอยู่2คน) พออาบน้ำกันเสร็จมันก็รีบพาเราออกไปกินข้าว คือมันเร่งเรามากแต่เราไม่ได้อะไร คิดว่ามันคงหิว
พอถึงร้านก็นั่งกินกัน จู่ๆมันก็ถามขึ้นมาว่า ‘เมื่อคืนนอนหลับป่ะ’ เราก็บอกว่า ‘เนี่ยกูเผลอหลับไปตอนไหนไม่รู้’ มันเลยเล่าให้ฟังต่อว่า ‘ตอนที่หลับไปแล้วหลังจากเสียงเหรียญหล่น กูเห็นเงาลอดช่องประตูมา เป็นเงาคนเดินไปเดินมาหน้าห้องหลายรอบมากประมาณ5นาทีได้ สักพักก็หายไป กูไม่กล้าเรียกเห็นหลับแล้วกูก็นึกว่าไม่มีอะไรแล้ว แต่อีกแปบนึงก็มีเสียงเคาะประตูห้อง3-4ครั้ง แล้วก็หยุด แล้วก็เคาะอีกรอบ กูก็พยายามคิดว่าอาจเป็นคนเมาแล้วเคาะผิดห้องหรือเปล่า แต่พอเสียงเคาะไม่มีแล้วกูก็เห็นเงาคนเดินไปเดินมาเหมือนเดิมเป็นชั่วโมง’
หลังจากที่มันเล่าจบเรานี่ขนลุกทั้งตัวแบบ เ-ี้ย! อะไรวะเนี่ย ตอนนั้นคิดวนไปวนมาแต่เรื่องนี้ ทั้งกลัวทั้งสงสัย พอเรากินข้าวกันเสร็จก็ออกไปคณะต่อ ทำงานจนดึกดื่นก็ลืมเรื่องนี้ไป หลังจากคืนนั้นก็ไม่เจออะไรอีก ที่ห้องก็กลับมาคึกครื้นเหมือนเดิม อาศัยอยู่กันหลายๆคน แต่เรากับเพื่อนคนนี้ก็ไม่ได้เล่าที่เจอให้คนอื่นฟังเพราะกลัวว่าพวกมันจะกลัวแล้วไม่มีใครกล้ามานอน
จนเหตุการณ์เกิดขึ้นอีกครั้งเป็นช่วงไฟนอล ซึ่งเรากับเพื่อนเรียนคณะที่งานท่วมหัวมากๆ เรื่องอ่านหนังสือสอบไม่ค่อยมี จะมีก็แต่โปรเจคงานเลยต้องทำงานกันหามรุ่งหามค่ำ โดยเฉพาะโปรเจคไฟนอล ด้วยความที่เราทำงานไม่ได้นอนมา2วันติด หลังจากพรีเซ็นต์งานเสร็จเรียบร้อยแล้วเวลาประมาณ3โมง เราจึงกลับหอก่อนมาเป็นคนแรกเพื่อนอนหลับ
ด้วยความที่เพลียมากน้ำท่าอะไรก็ไม่ได้อาบ ถึงเตียงก็สลบทันที จนเราสะดุ้งตื่นอีกทีตอนทุ่มนึงเพราะเพื่อนที่เจอผีด้วยกันกับเพื่อนอีกคนมาปลุกเราให้ออกไปกินข้าว แต่อารมณ์นั้นเราไม่ไหวจริงๆ เลยขอนอนต่อ ทีนี้เราเลยหลับต่อแบบยาวๆ ตื่นอีกที5ทุ่มกว่าแบบมึนๆงงๆก็เห็นว่าไม่มีใครอยู่ที่ห้องก็นึกในใจ ทำไมมันไปกินข้าวกันนานจังวะ ก็เลยไลน์ไปถามว่าอยู่ไหนกันทำไมยังไม่กลับอีก มันก็บอกว่ามากินเหล้ากันต่อที่หลังมอ พวกกูปลุกแล้วก็ไม่มา เราก็เลยไม่ได้อะไรเพราะเพลียมากจากงานไฟนอล ก็เลยกะว่าจะอาบน้ำสักหน่อยจะได้สดชื่น
เราก็เข้าไปแปรงฟันก่อนยังไม่ถอดเสื้อผ้าแต่ปิดประตูไว้ โดยประตูห้องน้ำเราเป็นประตูสไลด์อยู่ตรงอ่างล้างหน้าพอดี เป็นแบบกระจกขุ่นๆ เวลาใครเข้าห้องน้ำหรือยืนด้านนอกก็จะเห็นเป็นรูปร่างแต่ไม่ชัด เราก็ปิดประตูล้างหน้าแปรงฟันไปไม่ได้อะไร จนอาบน้ำโดยฝักบัวมันจะติดผนังหันหน้าออกทางประตู เราก็อาบน้ำสระผมร้องเพลงอารมณ์ดี จนเราได้ยินเสียงประตูห้องเปิดแล้วก็ปิดสักพักก็มีเสียงเรียกชื่อเราประมาณ2รอบได้ แต่มันก็ไม่ชัดทั้ง2รอบเพราะเราอาบน้ำอยู่ แต่ยังไงก็ได้ยินเป็นชื่อเราชัวร์ ในใจเราก็นึกว่า เออเพื่อนกลับมาแล้วแน่ๆ เพราะเราล็อคห้องไว้ มีแค่เพื่อนเราแค่นั้นที่มีกุญแจเข้าห้องได้
สักพักก็ได้ยินเสียงประตูตู้เสื้อผ้าเลื่อน คือตู้เสื้อผ้าหอนี้จะเป็นแบบบิ้วท์อินประตูบานเลื่อนติดกระจก ทำให้เวลาเปิดมันจะเป็นเสียงอะลูมิเนียมสีกัน เราก็เลยหันไปมอง ก็เห็นเป็นคนยืนหน้าตู้เสื้อผ้าที่อยู่ตรงข้ามประตูห้องน้ำพอดี ซึ่งตอนนั้นก็ไม่ได้คิดอะไรเลย เพราะในใจนึกอยู่แล้วว่าเป็นเพื่อนแน่ๆ เพราะเพื่อนกลับมาแล้ว
เราก็เช็ดตัวแต่งตัวเสร็จออกมาจากห้องน้ำ เราแทบล้มทั้งยืนเลยจริงๆเพราะในห้องไม่มีใครอยู่เลย ในใจก็แอบคิดหรือว่าเพื่อนจะออกไปนอกห้อง แต่ถ้าเพื่อนออกไปทำไมไม่ได้ยินเสียงประตูเปิดปิด แถมลูกบิดก็ยังล็อคเหมือนเดิม แล้วคนที่เราเห็นหน้าตู้เสื้อผ้า แถมเสียงที่เรียกชื่อเรา มันคืออะไรแล้วเป็นเสียงใครกันแน่ ตอนนั้นระแวงในห้องมาก ขาก็รีบวิ่งไปที่เตียง มือก็รีบไลน์ไปหาเพื่อนถามพวกมันว่าอยู่ไหน มันก็บอกว่ากูยังอยู่ร้านเหล้า เราก็ถามอีกว่าจะกลับกี่โมงมันดึกแล้วกูเหงา มันก็บอกว่า เออๆอีกแปบเดี๋ยวกลับ
ตอนนั้นกลัวมาก ไม่คิดว่าจะเจออะไรแบบนี้ในชีวิต แล้วก็เป็นครั้งแรกที่เจอ มันแทบจะช็อคจริงๆเพราะเกิดมาไม่เคยเจออะไรแบบนี้เลย หลังจากวันนั้นเหตุการณ์ที่เราเจอบ่อยที่สุดก็คือเสียงประตูตู้เสื้อผ้าเลื่อน มันบ่อยแบบบ่อยมากๆ ถึงจะบ่อยแค่ไหนเราก็ไม่ชินอยู่ดี จนสุดท้ายเราก็ทนอยู่ให้ครบปีเพื่อเอาเงินประกันคืนแล้วก็ขอยอมแพ้ย้ายออกจากหอนั้น
หลังจากที่เราย้ายหอไปแล้วเราก็ได้มาทราบทีหลังจากเพื่อนคณะอื่นที่เคยอยู่ที่หอนั้นว่าเคยเจอเหตุการณ์แปลกๆเหมือนกัน แถมเพื่อนคนอื่นๆ(ไม่ใช่เพื่อนกลุ่มเรา) ที่เคยมานอนห้องเรา ก็ได้เจอเรื่องแปลกๆที่ห้องเราเช่นกัน
ขอเพิ่มนิดนึงนะคะ คือห้องเราเวลาเปิดประตูออกไปมันจะเป็นบันไดพอดี มันเป็นบันไดขึ้นลงอยู่หลังลิฟต์ คือออกจากลิฟต์มาต้องเดินกลับหลังหันเพื่อไปห้องเรา แล้วหน้าห้องเราเป็นบันไดพอดี(แต่ห้องเราไม่ได้อยู่ริมสุดนะ อยู่กลางๆชั้น) คล้ายๆทาง3แพร่ง เราเพิ่งนึกขึ้นได้ว่าเป็นเพราะแบบนี้หรือเปล่าที่ทำให้เราเจอ หรือบางทีก็อาจจะไม่เกี่ยว
มาต่อกันที่เรื่องของเพื่อนคนอื่นที่เคยมานอนห้องเรา แล้วก็ได้เจอกับประสบการณ์แปลกๆเช่นเดียวกัน เรื่องมีอยู่ว่า คืนนั้นเราอยู่ห้องคนเดียวเพราะเพื่อนออกไปกินเหล้ากัน ตอนนั้นเราเลี้ยงน้องหมาเลยไม่ได้ออกไป กะว่าจะอยู่เป็นเพื่อนน้องหมา จนถึงเวลาประมาณตี3 เพื่อนกลุ่มเราก็กลับมาคนเดียวพร้อมกับเพื่อนอีกคนหนึ่งซึ่งไม่ได้อยู่กลุ่มเรา(เป็นผู้ชายทั้งคู่) โดยที่เพื่อนเรากลับมาด้วยสภาพเมามากพร้อมจะหลับได้เลย เรากับเพื่อนอีกคนก็แบกเพื่อนเรามานอนบนเตียงโดยให้มันนอนริมนอก
ตอนนั้นมันดึกมากแล้วเราก็เลยบอกเพื่อนคนนี้ว่า ‘นอนนี่เลยก็ได้ จะเช้าอยู่ละ’ ส่วนเราก็นั่งเล่นคอมไปยังไม่นอน เพื่อนคนนี้ก็ยังไม่หลับมันออกไปดูดบุหรี่ตรงระเบียงบ้าง เข้ามานั่งเล่นกับหมาบ้าง นอนเล่นบ้าง จนเวลาปาเข้าไปตี4 เราก็จะนอนแล้ว เพื่อนคนนี้มันก็จะนอนพอดี โดยเพื่อนคนนี้นอนริมในสุด เรานอนกลาง เพื่อนที่เมานอนริมนอก แต่ก็ยังไม่หลับกันนะ นอนคุยกันเรื่อยเปื่อย โดยเพื่อนเราคนนี้เป็นคนมีเซนส์เกี่ยวกับพวกนี้มาก อยู่ๆมันก็เล่าให้ฟังว่าตอนที่มันนอนเล่นอยู่ มันได้ยินเสียงคนเคาะกระจกตรงข้างเตียง
มันเป็นไปไม่ได้ที่จะมีใครมาเคาะกระจกตรงกลาง ถ้าเอื้อมมือมาจากระเบียงมันเอื้อมไม่ถึงกลางกระจกแน่ๆ แถมเวลานั้นไม่มีใครอยู่ตรงระเบียง และห้องเรามันอยู่ชั้น4 ซึ่งเป็นไปไม่ได้ที่ห้องอื่นหรือชั้นอื่นจะเอื้อมมือมาเคาะ เรานี่ขนลุกเลย แถมมันยังบอกอีกว่ามันเจออะไรแปลกๆที่ห้องเราบ่อยมาก แต่เราก็บอกมันว่ายังไม่ต้องเล่า เพราะตอนนั้นกลัวมาก เรื่องนี้เป็นเรื่องแปลกเรื่องแรกที่ได้ฟังจากคนอื่นเกี่ยวกับห้องตัวเอง พักหลังๆเราก็ไม่ค่อยกล้าอยู่ห้องคนเดียวเพื่อนก็จะมานอนกันเยอะๆ จนสุดท้ายเราก็ย้ายออกจากหอนี้ไป
หลังจากที่เราย้ายออกจากหอนั้นแล้ว เราก็ได้คุยกับเพื่อนเราคนหนึ่งเป็นทอมที่อยู่คณะอื่นแต่ว่าเคยพักอยู่หอนี้เหมือนกัน วันนั้นเราออกมากินเหล้ากับรุ่นพี่ก็เลยโทรชวนเพื่อนที่เป็นทอมคนนี้ออกมาด้วยกัน ตอนที่เล่าอาจจะเหตุการณ์ตกหล่นไปบ้างเพราะตอนนั้นเมานิดหน่อย ตอนแรกมันก็ถามเราประมาณว่า ‘อ้าวเธอย้ายออกจากหอไปแล้วหรอ’ เราก็บอกว่า ‘ใช่ๆ เนี่ย ย้ายไปอยู่หอนี้ๆๆๆ’ มันก็เลยบอกเราว่ามันก็ย้ายแล้วเหมือนกัน แล้วมันก็ถามเรากลับว่าทำไมถึงย้าย มันไกลมอหรอ บลาๆๆ เราก็เลยเล่าเรื่องที่เจอให้มันฟังทุกเรื่อง มันก็ดูตกใจ แล้วก็บอกเราว่า มันก็เคยเจอเหมือนกัน ทั้งเรื่องตู้เสื้อผ้า เคาะประตู ของตก มีคนเรียก ซึ่งมันเป็คนไม่ค่อยกลัวผีเท่าไหร่
มันก็เล่าให้ฟังต่อว่า มีครั้งนึงตอนดึกๆมันอยู่หอคนเดียวก็ดูทีวีเล่นโทรศัพท์ แล้วอยู่ๆตู้เสื้อผ้าก็เลื่อนเปิดเอง มันก็เดินไปปิดเฉยๆ ก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้น ผ่านไปจนดึกประมาณตี1-2 มันก็ได้ยินเสียงเคาะประตู มันก็คงนึกว่าเพื่อนเลยออกไปเปิดแต่ก็ไม่เจอใคร สักพักก็มีเสียงเคาะอีก มันก็นึกว่าเพื่อนแกล้งชัวร์ คราวนี้เปิดออกไปเดินดูหน้าห้องก็ไม่มีใคร มันก็บอกว่าตอนนั้นเริ่มกลัวนิดๆ เสียงเคาะประตูก็ยังไม่หยุดแค่นั้น หลังจากที่หายไปก็มีเสียงเคาะอีก คราวนี้มันไม่เปิด แต่ยืนดูอยู่ตรงตาแมวก้ไม่เห็นใคร มันก็ยืนรออยู่ตรงนั้น กะว่าถ้าเสียงเคาะดังขึ้นอีกทีต้องเห็นให้ได้ว่าใครเคาะ แล้วเสียงเคาะก็ดังขึ้นอีกจริงๆ คราวนี้มันรีบมองที่ตาแมวก็ไม่มีใครอีก มันเลยตะโกนไปว่า ‘เห้ย! ถ้าจะแกล้งกันแบบนี้ไม่ชอบนะ ต่างคนต่างอยู่ไปดิ’
หลังจากที่ตะโกนเสร็จมันก็เล่าว่า ตั้งแต่ตอนนั้นถัดไปอาทิตย์นึงก็ไม่มีเสียงเคาะอีก แต่กลับเจอเหตุการณ์ที่หนักกว่านั้นอีก ทั้งเสียงคนเดินตอนนอน เสียงคนเรียกตอนกลางคืน น้ำที่อ่างล้างหน้าเปิดเอง เราก็จำรายละเอียดตอนที่มันเล่าได้คร่าวๆประมาณนี้ เพราะตอนนั้นเมาๆนิดหน่อย เหมือนเพื่อนที่เป็นทอมคนนั้นไม่กลัวผีเท่าไหร่ มันก็บอกนะว่าเรื่องตู้เสื้อผ้ากับคนเดินในห้อง เสียงเคาะประตูอันนี้เจอประจำเหมือนกัน แต่ที่มันย้ายออกไปเพราะว่าไกลมอ ไปมาลำบาก
เรื่องของเพื่อนคนนี้เราจำได้น้อยไปหน่อย แต่พอเอาเรื่องที่เราเจอ กับเรื่องที่เพื่อนๆเจอมารวมกัน เราว่ามันก็หลอนไม่น้อยเลยจริงๆ เราว่าเราคิดถูกแล้วที่ย้าย ไม่งั้นเราคงได้สติแตกแน่ๆ ส่วนหอใหม่หลังมอที่เราย้ายไปก็มีเรื่องน่ากลัวเพราะเป็นหอที่ออกข่าวหนังสือพิมพ์ว่ามีนักศึกษากระโดดตึกตาย แล้วเราก็อยู่ตึกนั้นพอดีแต่เราไม่เคยเจอนะ เคยแต่มีเรื่องแปลกๆแต่ก็หาเหตุผลตามหลักความเป็นจริงได้ ถ้าเกิดเจอจังๆอีกจะมาเล่าให้ฟังใหม่ แต่ก็ภาวนาอย่าเจอจะดีกว่า
เออเราพึ่งนึกขึ้นได้ว่าเราเคยคึกไปเดินสำรวจตึก 8 ชั้น 4 ตอนตี1-2 ตอนนั้นอยากรู้อยากเห็นแต่ก็ไม่เจออะไร แล้วทำไมต้องเป็นชั้น 4 น่ะหรอ
ตอนนั้นเราคบกับผู้ชายคนนึงคณะเดียวกัน ไม่ดิยังจีบๆกันอยู่ โดยคู่เราเป็นพวกฮาร์ดคอร์จีบกันด้วยการไปเดินสำรวจนี่แหละ คือตอนแรกเราก็มาเดินเล่นกันรอบมอชิวๆตอนตี2กว่า เดินคุยไปคุยมาเค้าก็ถามเราว่ากลัวความมืดปะ โฮ่ๆแน่นอนใครบ้างไม่กลัว เราก็เดินเรื่อยๆจนมาถึงตึกคณะ(ตึก8) เลยชวนกันขึ้นไปชั้น4
ตอนนั้นหน้าแกลลอรี่มืดมาก จะมีก็แต่แสงไฟข้างในตึกหน้าลิฟต์ที่พี่ยามอยู่ แต่เอาจริงๆปะมาดึกๆกี่ทีไม่เคยเจอพี่ยามเลย จากนั้นเราก็เดินเข้าไปกัน ตอนแรกว่าจะกดลิฟต์ขึ้นไปแต่ไหงไปๆมาๆก็จบตรงที่ชวนกันเดินขึ้นบันไดแทน เราก็เดินขึ้นทางบันไดแกลลอรี่ผ่านทางห้องเรียนคณะศิลปกรรมไป ถ้าใครได้มีโอกาสขึ้นไปทางนั้นจะรู้ว่ามันมืดมาก
โดยเรามีแค่ไฟฉายจากมือถือไอโฟนส่องไปตามทางเดิน เราก็เดินๆส่องๆไปก็แทบช็อค เราส่องไปเห็นคนยืนมีเงาสะท้อนแวบๆ ตอนนั้นจำได้ว่าใจเต้นแรงมาก ขุ่นพระ! หุ่นค่ะ หุ่นคนไม่มีผม! หัวใจเราจะวายค่ะ ห้องนั้นน่าจะเป็นพวกสาขาแฟชั่นเรียนกันเราเลยรีบพากันเดินไปจนไปถึงบันไดพอดี ซึ่งถ้าขึ้นบันไดหน้าแกลลอรี่เพื่อเข้าไปในตึกก็จะไปโผล่ที่ชั้น3พอดี เราก็เลยเดินขึ้นต่อไปเลยที่ชั้น4 โดยเราใช้บันไดใน(มันมี2ฝั่งคือตรงข้ามลิฟต์ด้านในสุดเราขอเรียกบันไดใน และฝั่งริมตึกตรงระเบียงคือบันไดนอกนะ)
พอถึงชั้น4เราก็เดินสำรวจ ซึ่งตึกจะเป็นทางเดินยาวมีห้องเรียนซ้ายขวา เราก็เดินในความมืดไปเรื่อยๆ ตาก็มองแต่พื้นไม่กล้าเงยหน้าเลย มันมืดมาก กลัวจะเห็นนู่นเห็นนี่ ก็เดินๆกันไปจนไปถึงบันใดนอก เราก็เดินขึ้นบันไดไปถึงชั้น5 แล้วก็เดินสำรวจไปเช่นเดิม บรรยากาศชั้น5 ก็เหมือนชั้น4 ค่ะ ซึ่งทั้งสองชั้นแม้จะมีไฟจากข้างนอก จากพระจันทร์ จากใต้ตึก9 หรือจากอะไรส่องเข้ามา แต่มันก็ไม่ทำให้สว่างเลย มืดมากแบบมองไม่เห็นทางเดินเลย อีกอย่างถ้าห้องที่อยู่สองข้างทางของทางเดิน เป็นห้องปูนทึบๆแบบห้องธรรมดา มันก็จะไม่น่ากลัวเท่านี้ แต่ห้องตึกนี้คือเป็นปูนก่อขึ้นมาระดับเอวได้ ส่วนข้างบนเป็นกระจกใสทุกห้อง มันยิ่งทำให้เราสร้างจินตนาการว่าจะมีอะไรอยู่ในห้อง เราเลยก้มหน้าอย่างเดียว ยิ่งเดินมืดๆมันจะยิ่งเสียวสันหลัง ระแวงไปหมดรอบๆตัว กลัวคนเดินตาม กลัวเงยหน้าแล้วเจอกลัวทุกอย่าง
เราสองคนก็เดินไปเรื่อยๆจนถึงหน้าลิฟต์ ตกลงกันว่าจะลงลิฟต์แล้ว ไม่เดินแล้วกลัวมาก ซึ่งรู้ๆกันอยู่ว่าไฟในลิฟต์ตึกนี้สว่างม๊าก (ประชด) พอลงมาได้ (ก็ยังไม่เจอพี่ยาม) เราก็มานั่งคุยกันใต้ตึก เปิดคอม ฟังเพลง ดี๊ดีมาก สรุปก็ไม่เจออะไร ไปเดินเล่นให้กลัวเฉยๆ แต่ก็มีอย่างหนึ่งที่ทำให้เรารู้ว่าสิ่งที่น่ากลัวกว่าผี ก็คือยุงนั่นเอง
ตอนนั้นเราก็ยังไม่รู้ว่าทำไมแฟนเรามันถึงชวนไปชั้น4 หลังจากนั้นมาเดือนสองเดือนก็มีรุ่นพี่มาเล่าให้ฟัง เค้าเล่ากันว่าชั้นนั้นเคยมีอาจารย์เสียชีวิต แล้วเคยมีคนเห็นอาจารย์เดินไปเดินมาชั้นนั้นตอนกลางคืน (ตึก8จะมี นศ.เข้าออกทั้งวันทั้งคืนแต่ไม่ค่อยมีใครไปป้วนเปี้ยนชั้น 2 ถึง 6 ) แล้วก็ลิฟต์ตึก 8 ก็มีคนเล่าว่าเคยมีช่างก่อสร้างเสียชีวิตในลิฟต์ เหมือนตอนสร้างกล่องลิฟต์ ลิฟต์มันตกหรืออะไรสักอย่างนี่แหละ เราก็ไม่รู้ว่าจริงเท็จแค่ไหนนะ โดย นศ. ที่เรียนตึกนั้นจะทราบกันดีว่าดึกๆจะไม่มีใครไปชั้น4-5เลย หรือเวลาเข้าลิฟต์ดึกๆก็จะต้องไปกันหลายๆคน ตอนกลางคืนน่ากลัวมากจริงๆคอนเฟิร์ม แต่ชั้น7คึกคัก น่ารักไม่น่ากลัว
ที่มาสมาชิกพันทิปหมายเลข 2120906
ติดตามอ่านเรื่องเล่าผีต่อได้ที่ คลังหลอน