กระทู้ผี
“แฝดพี่” เป็นโสด…เพราะผีคอยตาม
ดิฉัน เป็นสาวชาวพัทลุง มีบ้านอยู่ที่อำเภอป่าพะยอม เป็นลูกคนที่ 3 ในบรรดาพี่น้อง 3 คน จริงๆควรจะเป็น 4 คนมากกว่าถ้าหากว่าฝาแฝดของดิฉันไม่ประสบอุบัติเหตุเสียชีวิตไปก่อนตั้งแต่ตอน 5 ขวบ ดิฉันจึงเป็นแฝด ที่ไม่มีแฝด จะมีก็แค่เพียงรูปถ่ายที่พ่อกับแม่ถ่ายเอาไว้ตอนเด็กๆ แฝดของดิฉันที่เสียชีวิตไปมีศักดิ์เป็นพี่ เพราะเกิดก่อน หากจะถือว่าดิฉันเป็นน้องสุดท้องก็คงใช่
เหตุการณ์ในครั้งนั้น ทำให้พ่อโกรธแม่มาจนดิฉันโตจนเข้ามหาลัย ท่านก็ยังไม่เลิกโกรธ ดิฉันเคยถามพ่อ ว่าทำไมถึงโกรธแม่ได้นานขนาดนี้ คำตอบที่ได้คือ
“มันทำลูกกูตาย”
พ่อมีลูกชาย...
เจ็ดวันสืบตาย ความลับของสมุดสีน้ำตาล
เคยสงสัยไหมว่าทำไมเราถึงต้องตั้งศพคนตายไว้นานถึง 7 วัน... เขาว่ากันว่า เพราะคนเรา หลังจากที่ตายจะไม่รู้ว่าตัวเองตาย วิญญาณจะยังคงล่องลอยไปทั่ว กว่าจะค่อยๆระลึกได้ และกลับคืนสู่ร่างเดิมในที่สุด
วันที่ 1 เราเดินทางไปงานศพลูกหอคนหนึ่ง ที่เคยอาศัยอยู่ในห้อง 307 เธอตายกะทันหันด้วยอุบัติเหตุทางรถยนต์ เราไปพบกับพ่อแม่เธอที่งานศพ และนัดแนะวันที่จะพวกเขาจะมาขนข้าวของเธอออกไปจากห้อง
บรรยากาศงานศพดูเงียบเหงา ระหว่างกำลังนั่งฟังพระสวด ก็รู้สึกเหมือนมีใครกำลังจ้องเราอยู่ เป็นความรู้สึกแรงวาบ จนเราต้องหันไปมองหาสายตาคู่นั้นทั่วศาลา และก็พบผู้ชายคนหนึ่ง นั่งอยู่ในมุมอับบริเวณงานศพ เราจ้องเขา... เขาก็จ้องเราตอบ...
ท ำ ไ ม ไ ม่ ไ ป ง า น...
เรื่องนี้เป็นเรื่องที่แม่เราเจอกับตัวเอง แม่เล่าให้ฟังว่า..
สมัยที่แม่ยังสาวเพิ่งคลอดเราได้ 2-3 เดือน ก็ย้ายจาก กทม. มาอยู่ลำปาง ซึ่งบ้านที่อยู่จะเป็นบ้านที่แม่อาศัยอยู่ตั้งแต่เด็ก
อยู่มาวันนึงยายวิ่งมาบอกทุกคนที่บ้านว่า อุ๊ย (พี่ของยาย) แกตกลงมาจากยุ้งข้าว ญาติทุกคนก็พากันไปเยี่ยมแก แม่ก็พาเราไปเยี่ยมด้วยเพราะอยู่บ้านคนละหลัง บ้านจะห่างกันไม่มาก แต่ในหมู่บ้านเดียวกัน
แม่อุ้มเราไปแนะนำให้อุ๊ยรู้จัก แกก็ได้แต่มองเรา พูดอะไรก็ไม่ได้ แต่ด้วยความที่อุ๊ยแก่แล้ว อาการป่วยจากอุบัติเหตุบวกกับโรคคนแก่ ทำให้อาการแย่ลงเรื่อยๆ แกจะลุกไปไหนไม่ได้ ต้องนอนอยู่ตรงกลางบ้านทั้งวัน
ทุกครั้งที่อุ้ยรู้สึกเจ็บหรือทรมานมากๆ แกจะใช้ส้นเท้ากระทืบพื้นไม้ที่นอนอยู่เป็นจังหวะ ตึก..ตึก..ตึก.. ...
“แฝด” แด่….กอและติ
กอกับติเป็นฝาแฝดที่หน้าคล้ายกันมาก ทั้งสองคนเกิดและโตที่ต่างจังหวัด เมื่อถึงเวลาเข้ามหาวิทยาลัยทั้งสองเลือกเรียนที่เดียวกันแต่คนละคณะ กอเรียนเศรษฐศาสตร์ ติเรียนจิตวิทยา ทั้งคู่พักอยู่หอห้องเดียวกัน
กอเป็นคนไม่ชอบแต่งหน้าและเกลียดเครื่องสำอางค์ ผิดกับติที่เป็นคนรักสวยรักงาม เมื่อก่อนติพยายามจะช่วยแต่งหน้าให้กอเสมอ แต่ก็โดนโกรธทุกครั้ง เธอจึงเลิกวุ่นวายเรื่องนี้ เมื่อทั้งคู่เดินด้วยกันติจึงดูโดดเด่นกว่าเสมอ
เย็นวันนึงติบอกกับกอด้วยความตื่นเต้นว่าเธอมีแฟนแล้ว เป็นนักกีฬาว่ายน้ำชื่อพี่ฟอ ทั้งคู่กอดกันใหญ่เพราะก่อนหน้านี้ถึงจะมีหนุ่มๆเข้ามาจีบอยู่เรื่อยๆแต่ติไม่เคยคบใครเป็นแฟนเลย กอเองก็ยินดีกับติและบอกว่าถึงเวลาที่ตัวเองต้องหาแฟนบ้างแล้ว…
ติเลยพูดว่าถ้าเธอแต่งหน้าล่ะก็เธอจะต้องสวยมากๆแน่ แต่กอก็ปฏิเสธอยู่ดี แถมบอกว่าเราจะไม่แต่งหน้าจนกว่าจะเจอคนที่ชอบเราตอนเราหน้าสด
ติหัวเราะดังลั่นแล้วก็เม้าท์เรื่องพี่ฟอให้ฟังต่อว่าเจอกันได้ยังไง จีบกันยังไง พี่เค้าซ้อมอยู่ที่สระไหน ซ้อมกี่โมง
จากวันนั้นไม่นานกอก็มีแฟนบ้าง แต่แฟนของเธอเป็นคนเจ้าชู้ กอจะจับได้ทุกครั้งที่แฟนมีผู้หญิงคนอื่น ต้องมานั่งปลดทุกข์กับติอยู่เสมอ คิดน้อยอกน้อยใจว่าทำไมแฟนไม่ดีเท่าครึ่งของพี่ฟอบ้าง จนกอทนไม่ไหวเลิกกับคนนั้นแล้วกลับมาโสดอีกครั้งโดยมีติคอยให้กำลังใจเสมอมา
หลังจากวันนั้นก็ใกล้วันเกิดของทั้งคู่...
ด้วยคำพูดเพียงเจ็ดพยางค์ มีแขกมาขโมยลูกแม่
เรื่องนี้เราได้ฟังมาจากแม่ เรื่องมีอยู่ว่า...ตอนแม่สาวๆ แม่ยังไม่รู้จักพ่อ แม่ทำงานเป็นพนักงานขายเสื้อผ้าในห้างในกรุงเทพฯ วันนั้นแม่กับเพื่อนไปทำบุญกันที่วัดแถวพระโขนง หลังจากทำธุระอะไรเสร็จกำลังเดินออกจากวัด มีพระท่านหนึ่งเรียกแม่เข้าไปหา
"โยม มีคนชอบ เค้าอยากอยู่ด้วย"
แม่เราเข้าใจทันทีว่าคืออะไร แต่แม่ไม่เคยมีประสบการณ์แบบนี้มาก่อนเลยบอกท่านไปว่าแม่ไม่รู้จะดูแลเค้ายังไง พระท่านยิ้มแล้วก็ตอบว่า
"ถ้าเค้าอยากได้อะไร เดี๋ยวเค้าบอกโยมเอง"
แม่ตอบตกลงทันทีเพราะแม่อยากรู้ว่าถ้าเลี้ยงแล้วจะเป็นยังไง พระท่านก็ให้ไม้ 2 ท่อนที่มีผ้าพันไว้ส่งให้แม่แล้วบอกทิ้งท้ายว่า..
"โยมไม่ต้องห่วง..เด็กๆน่ารัก"
หลังจากกลับมาจากวัด แม่ตื่นเต้นกับลูกคนใหม่มาก ทุกครั้งที่จะทำอะไรแม่จะบอกลูกๆก่อนเสมอ
"แม่ไปทำงานแล้วนะ อยู่บ้านรอแม่นะลูก"
เวลาทานข้าวแม่ก็จะเรียกลูกๆมาทานด้วย
"กินข้าวกับแม่นะ"
"ช่วยเรื่องงานของแม่ด้วยนะลูก"
เป็นอย่างนี้จนเวลาผ่านไป 1 อาทิตย์ แม่ก็พูดกับลูกว่า
"แม่อยากเห็นหนูจังเลย"
แล้วคืนนั้นแม่ก็ฝันทันที แม่เล่าว่า เห็นเด็กผู้ชาย 1...
พ่ อ จ ะ เ อ า เ มี ย…ลู ก...
สมัยประถมเราเรียนโรงเรียนอยู่ในอำเภอนึงในภาคเหนือ เป็นโรงเรียนเอกชน มีสระว่ายน้ำ 2 สระสำหรับเด็กอนุบาลและโต ทำให้ที่โรงเรียนมีวิชาว่ายน้ำสอนด้วย
ครูที่สอนวิชานี้ไม่แก่มากนัก อายุราวๆ 24-29 ปี กำลังวัยรุ่นเลยในสมัยนั้น เป็นผู้ชาย 1 คน หญิง 1 คน พวกเด็กๆสนิทกับครูทั้ง 2 คนมากเพราะครูหน้าตาดีและใจดีทั้งคู่
ช่วงฤดูหนาวทางโรงเรียนจัดกิจกรรมให้นักเรียนนำของมาบริจาคให้ชุมชนแห่งหนึ่งที่อยู่บนดอยของ จ.เชียงราย
ครูประกาศว่าจะเปิดกล่องรับบริจาคเป็นเวลา 1 อาทิตย์ เรากับพวกนักเรียนคนอื่นก็เริ่มทะยอยขนเสื้อผ้า ผ้าห่ม...