Home กระทู้ผีพันทิป 4 ประสบการณ์หลอนของแอร์โฮสเตส 2020

4 ประสบการณ์หลอนของแอร์โฮสเตส 2020

4 ประสบการณ์หลอนของแอร์โฮสเตส 2020
ประสบการณ์หลอนของแอร์โฮสเตส

ผีมีอยู่ทั่วโลก ไม่ว่าอาชีพไหน สถานที่ไหนก็อาจจะมีโอกาศได้เจอเหมือนกัน อ่านเรื่องผีที่เจอในไทยกันมามากแล้ว ลองมาอ่านประสบการณ์เจอผีที่ต่างประเทศกันดูบ้าง จะเป็นอย่างไรไปอานกัน..

เพราะ Covid-19 ช่วงนี้ว่างมากจริงๆค่ะ อยู่บ้านแล้วไม่มีอะไรทำ เลยจะมาเล่า เรื่องผี ให้ฟังกันค่ะ

ขอเกริ่นนิดนึงก่อนนะคะ เราเป็นแอร์โฮสเตสของสายการบินแห่งหนึ่ง แน่นอนว่างานนี้ทำให้มีโอกาสเดินทางไปที่ต่างประเทศบ่อย ได้เปิดหูเปิดตา แต่มาพร้อมความสยองค่ะ เพราะเราจะต้องไปพักต่างแดน นอนในรร. และนอนคนเดียวค่ะ

เรื่องผีที่จะเล่าต่อจากนี้ มีทั้งที่เป็นเรื่องที่เจอเอง (รับรองเรื่องจริง100%) และเรื่องที่ฟังเพื่อนร่วมงานเล่ามานะคะ บางเรื่องอาจจะไม่น่ากลัวมาก โดยเฉพาะเรื่องของเรา เพราะไม่มีการแต่งเติมเพิ่มความน่ากลัวลงไป แต่รับรองแต่ละเรื่อง เรื่องจริงทั้งนั้น (อย่างน้อยคนที่เล่าว่าเจอก็ยืนยันว่าเรื่องจริงค่ะ)

เรื่อง สยองในปีนัง

ปีนัง (PEN) ประเทศมาเลเซีย port ฮิตติดดาว ขึ้นชื่อเรื่องความหลอน มีเพื่อนแอร์สจ๊วตจำนวนมากเจอดีในรร.ที่ port นี้ ขึ้นชื่อมากจนหากไฟลท์ไหนเป็นไฟลท์ค้าง สิ่งที่แอร์สจ๊วตจะคุยกันก่อนลงเครื่อง คือ ตกลงกันว่าใครจะนอนกับใคร จับคู่บ้าง นอนรวมกันเป็นหมู่คณะ ประหนึ่งกลับไปเป็นเด็ก เข้าค่ายลูกเสืออีกครั้งบ้าง น้อยคนนักที่จะอาจหาญใจกล้านอนคนเดียว

เรื่องราวของที่นี่มีเยอะมาก แต่จะขอเลือกมาเล่าเฉพาะเรื่องที่เราได้คุยจากเจ้าตัว ฟังเค้าเล่ามาเองจากปากของคนที่เจอนะคะ

คนที่เล่าเรื่องนี้ เป็นพี่สจ๊วตท่านนึง เค้าเล่าว่า…

ไฟลท์นั้นก็เหมือนทุกไฟลท์ค้างของปีนังแหละค่ะ มีการตกลงกันว่าใครจะนอนกับใคร พี่หนึ่ง(นามสมมติ) เหมือนจะโชคดี เจอเพื่อนในรุ่นและคนรู้จักหลายคน เลยตกลงกันจะนอนเป็นหมู่คณะ มีพี่หนึ่ง พี่สจ๊วตสาวอีก1ท่าน (ขอเรียกแทนว่า คุณพี่) พี่แอร์อีก2ท่าน (เอาเป็นพี่บีกับพี่ซีล่ะกัน) และ co-pilot อีก1ท่าน (ขอเรียกว่าพี่โคไพ)

พอถึงรร. รับห้อง ถามดูแล้ว พี่บีเหมือนจะได้ห้องใหญ่สุด (คือจริงๆก็ไม่ถือว่าใหญ่หรอก อัดเข้าไปตั้ง5คน) ทุกคนจึงตกลงกันว่า แยกย้าย เก็บของ อาบน้ำ ทำธุระส่วนตัวให้เรียบร้อยแล้วมารวมตัวกัน และก่อนนอนจะดื่มกันนิดหน่อยเพื่อให้นอนหลับ

เมื่อพี่หนึ่งมาถึงห้อง สาวๆทั้ง3คน 1สจ๊วตสาว+2แอร์สาว นั่งกันอยู่บนเตียง เป็นที่รู้กันโดยไม่ต้องพูดว่าพวกพี่นางจะนอนกัน3คนบนเตียง แต่ละคนถือแก้ว กำลังดื่มแล้วเม้ากันกระจายอยู่ พี่หนึ่งเลยชงเหล้าของตัวเองแล้วยึดโซฟาอาร์มแชร์ กะเอาตรงนี้เนี่ยแหละเป็นที่นอนไปเลย

การดื่มกินเม้ามอยดำเนินไป นานเป็นชม. พี่โคไพก็ไม่โผล่หัวมาซะที พี่ซีค่อนข้างคออ่อนจึงหลับพับไปแล้ว ส่วนพี่หนึ่งกึ่งนั่งกึ่งนอนอยู่บนโซฟา พยายามหามุมโดยการเอาหัวพาดกับชั้นวางของและขาชี้ไปทางหน้าต่าง ซึ่งม่านไม่ได้ปิดมาถึงหน้าต่างที่อยู่ตรงโซฟา พี่หนึ่งฟังคุณพี่และพี่บีนั่งเม้าไปเรื่อยเปื่อยจนผล็อยหลับไป มีสะดุ้งตื่นขึ้นมาบ้างหลายครั้ง และมีครั้งนึงที่รู้สึกตัว เสียงเม้ายังคงดังอยู่ พี่หนึ่งมองไปที่หน้าต่างสิ่งที่เห็นคือหลังของผู้ชายคนนึง ยืนหันหน้าออกไปข้างนอก คิดในใจว่า พี่โคไพคงมาแล้วออกไปดูดบุหรี่ที่ระเบียงก็ไม่ได้สนใจอะไร แล้วหลับตาจะหลับต่อ แต่หลับไม่ลง ลืมตาขึ้นมาอีกรอบ เห็นพี่โคไพหันมามองหน้านิ่งๆผ่านหน้าต่าง แล้วค่อยๆยื่นหน้าเข้ามาใกล้กระจกเรื่อยๆจนหน้าแปะติดอยู่กับกระจก แล้วค่อยๆยิ้ม พี่หนึ่งคิดว่าพี่โคไพคงตั้งใจจะแกล้งเล่น พี่หนึ่งก็เลยยิ้มให้ แล้วไม่ได้นำพา พยายามจะหลับต่อ แล้วก็หลับไป

จนเช้าตื่นขึ้นมา เห็น3สาวนอนอยู่บนเตียง แต่พี่โคไพไม่อยู่ ก็ไม่ได้สนใจอะไร กลับห้องไปอาบน้ำแต่งตัว เมื่อลงมารวมตัวเพื่อจะกลับ พี่หนึ่งก็ทักทายทุกคน แล้วพูดแซวคุณพี่กับพี่บีว่า “เม้ากันทั้งคืนไม่หลับไม่นอนเลยนะ” คุณพี่กับพี่บีก็มองหน้ากันงงๆ และบอกว่า พอเห็นพี่หนึ่งหลับไปบนโซฟา ก็เก็บของเข้านอนกันเลย ไม่ได้อยู่เม้ากันต่อเลยนะ

พอพี่โคไพลงมา คุณพี่ออกปากแซวว่า “แหมๆ ไหนว่าจะมานอนด้วยกัน ไม่เห็นมาเลย ว่าจะให้นอนบนเตียงด้วยกันซะหน่อย”

พี่โคไพ ยิ้มเขินๆ แล้วตอบมาว่า “พอดีอาบน้ำเสร็จ โทรคุยกับแฟนบนเตียง แล้วเผลอหลับไปเลย เลยไม่ได้ไปรวมตัวด้วย แต่ก็ไม่เจออะไรนะครับ” แล้วหัวเราะ

พี่หนึ่งประมวลเรื่องที่ได้ยินในสมอง และถามย้ำเรื่องพี่โคไพว่า ไม่ได้ลงมาด้วยหรอ ทุกคนเอะใจเลยถาม พี่หนึ่งก็เล่าให้ทุกคนฟังถึงเรื่องที่เห็นเมื่อคืน ที่เห็นพี่โคไพเหมือนจะออกไปสูบบุหรี่ที่ระเบียงแล้วหันมามอง หันมาแกล้ง ตอนนั้นยังได้ยินเสียงคุณพี่กับพี่บีเม้ากันอยู่เลย พอได้ยินแบบนั้น3สาวก็กลายเป็นไก่ตาแหก ยืนงงมองหน้ากันไปมา คุณพี่ยืนยันว่า “ไม่ได้คุยกันนานเลย พอเห็นพี่หนึ่งเงียบไป หลับไป ก็เข้านอนกันเลย” และพี่บีกับพี่ซียังบอกอีกว่า “ห้องนั้นไม่มีระเบียงจะมีคนออกไปยืนได้ยังไง” พี่บีกับพี่ซี เค้าเก็บของห้องเดียวกัน เพื่อที่จะนอนด้วยกันอยู่แล้ว เผื่อเดอะแก๊งเบี้ยวไม่มา พี่ซียืนยันหนักแน่นเพราะเป็นคนปิดม่านหน้าต่างเอง แต่รางม่านตรงหน้าต่างที่ข้างโซฟาไม่รู้ติดอะไรจึงไม่สามารถปิดให้สนิทได้

เรื่องสยองในปีนัง จบลงเพียงเท่านี้ค่ะ

เรื่อง คำถามหลอนในฮ่องกง

อีก Port เขย่าขวัญของลูกเรือ คือที่ ฮ่องกง (HKG) ค่ะ คนโดนกันเยอะ ส่วนตัวไปเองไม่เคยเจออะไร แต่มีพี่แอน (ชื่อสมมติ) พี่แอร์คนนึงเคยเล่าประสบการณ์สยอง ที่ขนาดตัวเราไม่กลัวเรื่องพวกนี้ยังต้องขนลุก เรื่องมีอยู่ว่า…

พี่แอน ได้ไฟลท์ค้างที่ลงมาตอนดึกและกลับแต่เช้ามืดของอีกวัน ตามภาษาแอร์เค้าเรียกไฟลท์แบบนี้กันว่า ไฟลท์ดมหมอน คือมีเวลาพอแค่นอนดมหมอนแล้วกลับเลย เป็นไฟลท์สั้นๆที่เหนื่อยมาก ผู้โดยสารเยอะ พอเข้ามาถึงรร.ก็ค่อนข้างจะดึกแล้ว พี่แอนเหนื่อยและง่วงมากแล้ว พรุ่งนี้ต้องตื่นเช้าอีกจึงรีบจัดของ อาบน้ำ เข้านอน

พอนอนได้ซักพัก กำลังจะเคลิ้มหลับ พี่แอนรู้สึกถึงการเคลื่อนไหวรอบเตียง ณ จุดนั้น พี่แอนบอกเลยว่า ช่างแม้ง!! คือเหนื่อยและง่วงจนไม่สนใจจะกลัวอะไรแล้ว ซักพักรู้สึกเหมือนมีคนมายืนที่ค้างเตียงแล้วก้มลงมาพูดเป็นภาษาจีน ซักอย่างเป็นคำ4คำ พูดวนซ้ำๆอยู่ยังงั้น พี่แอนไม่รู้ความหมายเลยทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ ไม่สนใจ ไม่แม้แต่จะลืมตาขึ้นมา จนซักพักก็หลับไปจริงๆ

พอตื่นลงมาตอนเช้า ระหว่างรอรถมารับที่รร.เพื่อจะไปแอร์พอร์ต พี่แอนนึกถึงคำที่ได้ยินเมื่อวานขึ้นมา คือได้ยินซ้ำจนจำได้ เลยถามรุ่นน้องในไฟลท์เป็นแอร์ไทยที่รู้ภาษาจีนว่า “น้องรู้มั้ยคะ คำว่า หนี่พ่าวั๊วม้า มันแปลว่าอะไร” รุ่นน้องหันมาทำหน้างง แล้วตอบว่า “คุณกลัวฉันมั้ย” พี่แอนช็อคสิค่ะ!!

ตอนพี่แอนเล่าให้ฟังยังบ่นรัวๆว่า “นี่มาถามกันแบบนี้ทั้งคืนเลยหรอ ดีนะที่พี่ไม่รู้ความหมายและก็ไม่ได้ลืมตาขึ้นมา ถ้าลืมตาขึ้นมาไม่รู้จะเห็นอะไร แค่คิดก็สยองแล้ว” เราอยากบอกเลยว่า แค่คิดตามก็ขนลุกเหมือนกัน

เรื่องคำถามหลอนในฮ่องกง จบลงเพียงเท่านี้ค่ะ

เรื่อง อินชอลนอนไม่หลับ

อินชอล (ICN) เกาหลี อีกหนึ่ง Destination ยอดฮิตของนักท่องเที่ยวไทยสายตามรอยซีรี่ย์ มีความดีงามทั้งด้านของกินและความสวย สาวเกาหลีผิวขาวๆ หุ่นแจ่มๆ โอปป้าซิกแพ็คแซ่บๆ แต่เรื่องหลอนของที่นี่ก็หนักไม่แพ้ที่อื่น

เรื่องนี้เป็นเรื่องที่เจอกับตัวเอง บอกเลยไม่ได้น่ากลัวอะไรมาก แต่ที่หลอน คือตอนมาคุยกับเพื่อนทีหลังมากกว่าค่ะ

ต้องบอกก่อนว่า เราเป็นคนที่ไม่เคยเห็น ไม่เคยได้ยินอะไรเลย ที่ไหนที่ว่าเฮี้ยน คนเจอเยอะ ไปนอนก็ไม่เคยเจอค่ะ พอได้นอนห้องที่เค้าลือกันว่าเจอ (ทุกรร.ที่มีคนเจอจะมีการส่งหวย เบอร์ห้องแจ็คพ็อตกันไว้) ซึ่งตอนนั้นที่ได้นอนก็เกิดเหตุการณ์ที่กลายเป็นเรื่องตลกไป (เจอที่นาริตะ ไว้จะมาเล่าให้ฟังในตอนต่อๆไปนะคะ)

ไฟลท์อินชอลตอนนั้นชิลมาก มาถึงตอนเช้าแล้วกลับเช้าอีกวัน มีเวลานอนพักก่อนออกไป Shopping กินหมู ดูเครื่องสำอาง ซื้อของเข้าบ้านรัวๆ พอเข้าห้องตอนเช้าอย่างแรกที่เราทำเสมอคือต้องปิดม่านให้สนิท เพราะไม่ชอบแสงแดดเอามากๆ และจะนอนก่อนออก ปิดไว้ค่ะเดี๋ยวแสงแยงตา

ตัดตอนไปตอนกลางคืนเลย อาจจะเพราะไม่ได้ทำอะไรมากและหลับไปแล้วช่วงเช้าถึงบ่าย พอกลับมาตอนดึกเลยนอนไม่ค่อยหลับ ก็ทำตามปกติ ปิดไฟในห้องทั้งหมด เหลือแค่ไฟในห้องน้ำที่แง้มประตูไว้ พอให้มีแสงสลัวๆ เผื่อจะเดินไปห้องน้ำ แล้วนอนคอลไลน์กับผู้ชาย กะให้หลับคาโทรศัพท์ไปเลย จึงอยู่ใน position พร้อมนอน เตียงที่ได้เป็นเตียงใหญ่ เตียงเดียว ด้วยความเชื่อว่านอนใกล้ห้องน้ำ ชื้นไปเดี๋ยวจะเป็นหวัด เลยนอนฝั่งหน้าต่าง นอนตะแคงและแปะมือถือไว้ที่หูค่ะ

เราคุยไปจนเราเริ่มง่วง ตาจะปิด ช็อตนี้แหละค่ะ หลายคนคงจะพยายามเดาเรื่องที่จะเกิดต่อไป แบบมีเสียงแปลกๆหรอ หรือเห็นเงาแว่บไปแว่บมา ไม่ใช่แบบนั้นเลยค่ะ!! เราคิดว่าทุกคนคงเดาไม่ถูก เฉลยเลยดีกว่า เราเริ่มรู้สึกง่วงแต่ตายังไม่ปิด แล้วทันใดนั้นก็พรึ่บ!! ม่านที่ปิดไว้สนิท เปิดพรึ่บไปเกือบเมตรคาตา ม่านไม่ได้ค่อยๆไหล แบบรางไม่ดีหรืออะไรแบบนั้นนะคะ มั่นใจมากเพราะนอนมองม่านอยู่ มันเปิดพรึ่บเหมือนมีคนดึงเปิดค่ะ

อินี่นอนตาค้าง ใจหายไปอยู่ตาตุ่ม รีบกรอกเสียงไปบอกปลายสายที่ยังคอลกันอยู่ว่า “เธอๆม่านเปิดเองทำไงดี!?” ปลายสายที่ตอนนั้นคงง่วงขั้นพีคแล้ว ได้ยินก็ตอบกลับมาว่า “ม่านเปิดก็เดินไปปิดสิ”

ตึ่ง!! ความกลัว ความตกใจที่มีอยู่หายไปเลยค่ะ เราเลยเดินไปปิดม่านใหม่ มองออกไปด้านนอกมืดสนิท ไม่เห็นอะไรทั้งสิ้น มืดแบบไม่มีแสงไฟอะไรเลย เราก็คิดนะคะ ทำไมไม่มีแสงไฟอะไรเลยล่ะ แต่ช่างเถอะ!! พอปิดม่านเสร็จก็พยายามจะนอนค่ะ คนที่คอลอยู่ง่วงไม่ไหว พูดไม่รู้เรื่องแล้ว เราเลยปล่อยไปนอน ส่วนเรารู้สึกไม่ได้กลัวแล้ว แต่นอนไม่หลับค่ะ เรานอนพิงหัวเตียง มองม่านไปจนฟ้าเกือบสว่าง ได้นอนแค่ชม.เดียวก่อน wake up call

เรื่องเหมือนจะคลี่คลายแล้ว เมื่อเราเอาเรื่องนี้ไปเล่าเป็นเรื่องตลกให้เพื่อนๆเราฟังกัน จนกระทั่งไปเล่าให้เพื่อนสจ๊วตสาวนางนึงฟัง นางไม่ชอบไปเกาหลีเอามากๆ มีไฟลท์มานางแลกออกได้นางก็จะแลกออก นางฟังเรื่องที่เราเล่าแล้วนางก็เงียบไป ไม่ขำเหมือนคนอื่น นางกลับพูดเลขห้องขึ้นมาแล้วถาม “นี่ใช่ห้องที่เมิงนอนรึป่าว?” ซึ่งนางบอกถูก เราเลยถามว่ารู้ได้ไง นางจึงเล่าให้เราฟังว่า…

มีครั้งหนึ่ง นางทำไฟลท์ไปอินชอลแล้วได้ห้องนี้ นางเป็นคนไม่ชอบปิดม่านค่ะ ชอบดูวิวข้างนอก ตอนนอนนางก็เปิดม่านทิ้งไว้ แล้วนางตื่นขึ้นมากลางดึก จะเข้าห้องน้ำ แต่เห็นความเคลื่อนไหวจากหางตา ตามปฏิกิริยาตอบสนองอัตโนมัติ นางหันควับไปมองค่ะ เห็นเป็นผู้หญิงยืนมองเข้ามาในห้องอยู่นอกหน้าต่าง!! สภาพไม่ได้มาเละเทะนะคะ เป็นเหมือนคนปกติ มองเข้ามานิ่งๆ แต่ข้างนอกไม่มีระเบียงไงคะ เพื่อนสจ๊วตสาวเราไม่รู้จะทำยังไง เลยสวมวิญญาณท่อนไม้ค่ะ ทำทีเหมือนหลับต่อ พอลืมตามาอีกทีผู้หญิงคนนั้นไม่อยู่นอกกระจกแล้ว แต่เพื่อนเราเห็นเงาจางๆเหมือนเข้ามาอยู่ในห้องแทน เพื่อนเราเลยไม่ลืมตาขึ้นมาอีก นอนหลับตาเฉยๆยันเช้า

พอเรามาผนวก เรื่องที่เพื่อนเจอกับเรื่องที่เราเจอ ขนหัวตั้งเลยค่ะ เพราะจุดที่นางเห็นผู้หญิงยืนคือกลางหน้าต่าง จุดเชื่อมของม่าน จุดเดียวกับที่ม่านเราเปิดพรึ่บแล้วเราลุกไปปิดเลย!! ไม่แน่ตอนเราเดินไปปิดม่าน ผู้หญิงคนนั้นอาจจะยืนอยู่ตรงหน้าเรา แต่เรามองไม่เห็นก็เป็นได้…

เรื่องอินชอลนอนไม่หลับ จบลงเพียงเท่านี้ค่ะ

เรื่อง ไทเป เทกันไปเลยค่าาา

เรื่องนี้เกิดที่รร.ในไทเป (TPE) ไต้หวันค่ะ จะเรียกว่า เจอเอง หรือ ไม่ได้เจอเองดี เอาเป็นว่าลองอ่านแล้วตัดสินกันดูนะคะ ว่าแบบนี้จะเรียกว่าเราเจอดีมั้ย เรื่องมีอยู่ว่า…

ไฟลท์นั้นไม่รู้ดวงดีหรือดวงซวยค่ะ ได้ไปบินกับเพื่อน ซึ่งสนิทค่อนข้างมาก เลยตกลงนอนห้องเดียวกันค่ะ แถมห้องยังได้ตรงข้ามกันก็เลย แยกห้องกัน เก็บของ อาบน้ำ แล้วก็นัดออกไปกินข้าวกันค่ะ

หลังจากออกไปกินชาบูหม่าล่า อิ่มหนำสำราญกันไป ก็กลับมาแยกย้ายอาบน้ำ แล้วมานอนห้องเราค่ะ เตียงใหญ่เตียงเดียว ไฟลท์นั้นขากลับเกือบเที่ยงค่ะ กว่าจะเข้านอนกันก็ดึก ต่างคนต่างดูซีรี่ย์ ทำนู้นทำนี้กันไป จนเราเผลอหลับไปก่อนค่ะ ปกติเราเป็นคนที่หลับลึก หลับยาว แล้วก็หลับง่ายมาก สภาพแวดล้อมไม่มีผลกับเราเลยค่ะ (มีช่วงวันไหลสงกรานต์เคยโดนลากไปเที่ยวพัทยา ทั้งๆที่ง่วง เราหลับคาผับเลยค่ะ เพื่อนยังทึ่งว่า หลับได้ด้วยหรอ) แต่วันนั้นแปลกค่ะ อยู่ๆเราก็ตื่นขึ้นมา เห็นเพื่อนเก็บของเดินออกนอกห้องไป หันมามองทางเราตลอดนะคะ แต่ไม่ได้ทักอะไร เราก็เอะใจ เรากรนดังจนเพื่อนนอนไม่หลับรึป่าว แต่เรานอนกับเพื่อนคนนี้หลายครั้งก็ไม่เคยมีปัญหานะคะ ต่างคนต่างทนกันได้ เราก็ไม่ได้อะไร คิดว่านางอาจจะอยากไปคุยกับผู้ชายไรงี้ กลัวเราตื่น เดี๋ยวคงกลับมา แต่ไม่ค่ะ นางไปแล้วไปเลยค่ะ หายไปเลย เจอกันอีกทีตอนจะกลับ

เราเจอนางเราก็ทักว่า “หายไปไหนมาเมื่อคืน อยู่ๆก็ออกไป เทกันเฉย” นางบอก “เดี๋ยวเล่าให้ฟัง…”

เรารอค่ะ รอจนลืม นางไปเล่าอีกทีที่แอร์พอร์ต บอกอยากออกจากรร.ก่อน

นางเล่าว่า พอเราหลับไป เราละเมอค่ะ ละเมอออกมาแบบไม่เป็นภาษา ไม่ได้พูดเป็นคำ ละเมอออกมาเป็นพักๆ นางก็ไม่ได้สนใจอะไร แต่ตอนนางเก็บของจะนอน เราทำเสียงเหมือนให้เงียบๆแบบ “ชู่ววว” นางนึกว่านางเก็บของเสียงดัง แล้วเราตื่น (ซึ่งไม่ใช่เรื่องปกติสำหรับเราค่ะ เพื่อนๆเราจะรู้ดีว่า ไม่มีอะไรขัดขวางการนอนของเราได้) นางหันมามองเรา แล้วก็เห็นค่ะ!! เห็นหัวคนโผล่มาจากข้างเตียงฝั่งเราค่ะ ไม่ได้มองมาทางเพื่อนนะคะ มองมาทางเราค่ะ มองเฉยๆ เพื่อนเห็นแบบนั้น ตาสว่างสิค่ะ เพื่อนเรามองอยู่ซักพัก เค้าไม่มีท่าทีจะหันไปมองเพื่อนเราเลยค่ะ เพื่อนเราเลยค่อยๆเก็บของ ค่อยๆย่องออกจากห้อง ระหว่างนั้นก็มองหัวนั้นไปเรื่อยๆค่ะ หัวนั้นยังคงจ้องเราอยู่ไม่วางตา ไม่หันไปมองเพื่อนเราเลยค่ะ เพื่อนบอกเค้านั่งอยู่ข้างเตียงค่ะ เหมือนนั่งเฝ้าเราอยู่ มองแต่เรา เพื่อนเลยหลีกทางออกไปนอนห้องตัวเองค่ะ เพื่อนเราก็เห็นเราลืมตานะคะ แต่นางคิดว่านางออกไปเลยดีกว่า เดี๋ยวถ้ามีอะไร เราคงไปเคาะห้องนางเอง

เราได้ฟังนางเล่าแล้วก็แบบ “ขอบคุณมากนะเมิงงง แทนที่จะเรียกกุออกไปด้วย ย้ายไปนอนห้องเมิงไรงี้”

มันบอก “ดูเค้าสนใจแต่เมิง กุเลยคิดว่าปล่อยไว้เค้าก็คงอยู่กับเมิงได้ คงไม่เป็นไร”

ดีจริงค่ะ!! เทกันไปเลยค่ะเพื่อน!!

ปล. แต่จริงๆตอนนั้นเราหลับสบายมากนะคะ ไม่ได้ฝัน ไม่ได้รู้สึกอะไรเลย ชิลมากเว่อร์ค่ะ ตอนเพื่อนบอก เดี๋ยวเล่าให้ฟัง เรายังนึกว่ามันมีปัญหากับแฟนอะไรทำนองนั้นอยู่เลย คือเรื่องผีไม่มีอยู่ในหัวเลยค่ะ แบบนี้จะเรียกว่าเราเจอได้มั้ยคะ 555

เรื่องไทเป เทกันไปเลยค่าาา จบลงเพียงเท่านี้ค่ะ

เรื่อง เด็กวิ่งที่นาริตะ

นาริตะ (NRT) เป็น port เลื่องชื่อเรื่องผีของสายการบินเราค่ะ เพราะรร.ที่นอนกันอยู่เก่ามาก และนอนที่นี่ตลอด ไม่เคยมีการย้ายรร. รร.ดีนะคะค่อนข้างใหญ่ มีออนเซน เราชอบที่นี่มากค่ะ รร.นี้มีแยกเป็น 2 ฝั่งค่ะ เป็นฝั่ง Garden กับฝั่ง Tower ก็ตามชื่อค่ะ ตึกฝั่งหนึ่งอยู่ตรงสวน ในสวนมีบ่อน้ำและตึกลักษณะคล้ายโบสถ์คริส คือมีไม้กางเขนอยู่ มีออนเซนอยู่ชั้นล่างสุด ส่วนอีกฝั่งเป็นตึกที่สร้างทีหลัง

และแน่นอนฝั่งที่ลูกเรือเล่าลือคือ ฝั่ง Garden ค่ะ

ลูกเรือส่วนใหญ่จะเลือกนอนฝั่ง Tower ส่วนหนึ่งเพราะกลัวผี อีกส่วนหนึ่งเพราะห้องมันใหม่กว่า

แต่เราเลือกนอน Garden ค่ะ เพราะมันมีออนเซนอยู่เชื่อมกับตึกนี้ เดินสะดวกดี และห้องเปิดหน้าต่างจะเป็นสวน ช่วงซากุระบานสวยเอาเรื่องอยู่เหมือนกันค่ะ

ห้องที่มีเรื่องราวของฝั่งนี้ มีอยู่ 2 ห้องค่ะ เค้าเรียกกันว่า “ห้องจาน” ห้องจาน เป็นห้องที่มีจาน 5 ใบติดประดับผนังหัวเตียงอยู่ค่ะ เค้าลือกันว่ามีผู้หญิงออกมาเดินในห้องประจำ แต่ห้องนี้ไม่ใช่ประเด็นค่ะ เคยพักแล้ว ไม่เจออะไร แต่งงอยู่ค่ะว่า ทำไมมีจานประดับ ห้องอื่นไม่มี

ห้องที่เป็นประเด็นในครั้งนี้ คือ “ห้องหน้าโบสถ์” ค่ะ เป็นห้องที่เปิดหน้าต่างออกไปจะเห็นไม้กางเขนพอดี และมีชั้นเล็กๆติดผนัง คล้ายชั้นวางของตกแต่ง แต่ไม่มีอะไรวางตกแต่งนะคะ ซึ่งก็เหมือนห้องจานค่ะ ห้องอื่นจะไม่มีไอ้ชั้นวางนี้ ห้องนี้มีคำเล่าลือว่า คนที่นอนจะได้ยินเสียงเด็กออกมาวิ่งเล่นค่ะ

ไฟลท์นั้นเราได้นอนห้องหน้าโบสถ์ค่ะ ซึ่งเราเคยนอนห้องจานแล้ว ไม่มีอะไร เราเลยไม่กลัว ก็ใช้ชีวิตในห้องปกติ ไฟลท์นั้นต้องตื่นเช้า เราก็นอน ปกติเราจะนอนปิดไฟหมด แต่คืนนั้นหลับคามือถือค่ะ ตื่นมาไฟยังเปิดอยู่ ตื่นก่อนนาฬิกาปลุก ลืมตามาปุ๊บ เราได้ยินเสียงวิ่งค่ะ!! ตั่กๆๆๆ นึกในใจ “โดนแล้วใช่มั้ยกุ” ดูเวลาใกล้ได้เวลาตื่นแล้ว เลยรีบอาบน้ำแต่งตัว กะเดินไปรอล็อบบี้เลย ไม่อยู่แล้วห้องนี้ เผ่นดีกว่า

แต่งตัวเสร็จ ลากกระเป๋าเตรียมออก พอจะเปิดประตู เสียงวิ่งตั่กๆๆๆมาอีกแล้วค่ะ!! พุทโธ ธัมโม สังโฆ จะออกแล้วไงคะ!! จะไปอยู่แล้วจะมาอีกทำไม!? เราเปิดประตูพรวด แล้วหันมองค่ะ เห็นเด็กญี่ปุ่นวิ่งลากกระเป๋าเดินทางตั่กๆๆๆ ผ่านหน้าห้องเราไปค่ะ!! คิดในใจ “อิเด็กwell มาวิ่งอะไรกันแต่เช้าเนี่ย”

สรุป เด็กญี่ปุ่นมาทัศนศึกษา ลากกระเป๋ากลุ่มใหญ่ ยืนกันเต็ม zone lobby ที่ได้ยินคงเป็นเด็กที่ตื่นสายแล้วรีบวิ่งไปรวมกลุ่มค่ะ

ใช่ค่ะ เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องผีค่ะ เป็นเรื่องชวนหัวส่วนตัว ที่ตอนได้ยินเสียงคือในใจคิดจริงๆว่า โดนแล้ว!! แต่ไม่ใช่ค่ะ 555 ชื่อเรื่องมาไง เรื่องไปตามนั้นเลยค่ะ คือบอกแล้วตั้งแต่ชื่อเรื่องว่า เด็กวิ่ง!! ก็เด็กวิ่งจริงๆค่ะ!!

เรื่องเด็กวิ่งที่นาริตะ จบลงเพียงเท่านี้ค่ะ 5555

ขอบคุณที่ม https://pantip.com/topic/39774808

LEAVE A REPLY

Please enter your comment!
Please enter your name here