Home กระทู้ผีพันทิป ปัง ๆ ๆ ก๊อก ๆ ๆ ลืมเซ่นไหว้หรือป่าว ตู้เย็นผี

ปัง ๆ ๆ ก๊อก ๆ ๆ ลืมเซ่นไหว้หรือป่าว ตู้เย็นผี

ปัง ๆ ๆ ก๊อก ๆ ๆ ลืมเซ่นไหว้หรือป่าว ตู้เย็นผี
ตู้เย็นผี

เมื่อคนไม่กลัวผีอย่างฉัน ได้ไปอยู่คอนโดใหญ่ คนเดียว!

สวัสดีครับ ชื่อนุ๊กครับ มีเรื่องหลอนๆมาแบ่งปันให้อ่าน เพราะรู้สึกว่าเข้าห้องนี้บ่อยเลยอยากจะแชร์ของตัวเองบ้าง ไม่ใช่เรื่องแต่ง ไม่ใช่ละคร ไม่ใช่นิยาย ถ้าสืบดีๆในเฟส เธอก็จะเจอเรื่องนี้ที่ฉันเคยเล่าในยุคนั้น ตอนเช็คอินครั้งแรกที่คอนโดนี้ แต่อย่าสืบเลย เดี๋ยวเจ้าของคอนโดจะฟ้องฉัน ฉันจะไม่พูดชื่อคอนโดใดๆทั้งสิ้น ไม่ต้องหลังไมค์มาถามด้วย 

เรื่องนี้เกิดขึ้นเมื่อตอนอายุ 20 ตอนนี้ 24 ละครับ เกริ่นนำก่อนเลยว่า เป็นคนที่เคยกลัวผีสมัยเด็กๆ แต่พอโตมา ไม่กลัวเลยครับ สามารถอาบน้ำมืดๆได้ สามารถอยู่ในที่มืดคนเดียวได้โดยไม่กลัวครับ ผ่านมา 20 ปีในชีวิต ไม่เคยมีเรื่องผีให้รู้สึกกลัว เลยไม่กลัวครับ แถมยังชอบดูหนังผีเป็นปกติอีกด้วย แม้ตอนมหาลัยปี1 ต้องไปเรียนที่องครักษ์ ที่เขาเจอผีกันนักหนา นี่ก็ไม่เคยเจอเลย ใช้ชีวิตปกติสุขมากๆ

จนปี 2 ต้องเข้ามาเรียนในกรุงเทพย่านอโศก ด้วยความที่หาหอพักไม่ได้สักที บวกกับรูมเมทที่เคยดีลไว้ว่าจะเช่าหอพักอยู่ด้วยกันก็ดันเทซะงั้น เลยตัดสินใจจะไป-กลับบ้านที่นครปฐมครับ (ตอนนั้นนั่งรถตู้จากองค์พระ นครปฐม มาอนุสาวรีย์ และต่อ BTSสะดวกเหมือนกันครับ) แต่สุดท้ายอี๊ (น้องสาวของแม่) ก็ได้เสนอว่างั้นให้อยู่คอนโดอี๊ก่อนไหม ตอนนี้ไม่มีคนอยู่ อยู่ตรงนานา แค่นั่งรถไฟฟ้าไปสถานีเดียว เราก็เอาสิ สะดวกมากๆ 

เสร็จสรรพทุกอย่างลงตัว ย้ายของไปคอนโดอี๊ อี๊ขับพามาส่งในช่วงเย็นวันอาทิตย์ แดดโพล้เพล้ใกล้มืดเต็มที เราขนของขึ้นห้อง ซึ่งอยู่ชั้น 12A ใช่จ้า 13 นั่นแลลลลลลลลลลลล เปิดประตูมาถึงขั้นตกใจ เพราะแค่เปิดประตูเข้าห้องก็เจอเงาตัวเองที่สะท้อนในกระจกบานใหญ่เว่อร์ เราก็สงสัยว่า เอ๊ะ เขาติดทำไมบานใหญ่ขนาดนี้ อี๊เลยบอกว่า มันเอาไว้แก้เคล็ด เพราะตรงนี้มันทางสามแพร่งเสียบเข้ามาพอดี เลยมีกระจกสะท้อนกลับ

เข้าไปคอนโดครั้งแรก อื้อหืม ไฮโซเวอร์ เป็นสไตล์โรงแรม เข้ามาแล้วเจอห้องครัวทางด้านขวามือ

ตรงห้องครัวมีห้องเก็บของห้องเล็กๆที่สามารถยืนตัวตรงได้ประมาณ3 คน ห้องเล็กๆ ซึ่งติดกันเป็นห้องรับแขกขนาดใหญ่ มีทีวี มีโซฟายาว3-4ตัว มีหน้าต่างกระจกบานใหญ่ มองเห็นวิวที่เป็นสระว่ายน้ำคอนโดตรงข้ามได้อย่างดี ทางซ้ายมือเป็นห้องน้ำฝักบัว ที่มีเครื่องซักผ้าอบ ผ้าพร้อม ตรงข้างหน้าที่เป็นผนังติดกระจกเป็นห้องนอนเล็ก 1 ห้อง เลี้ยวเข้าไปทางซ้ายของห้องนอน เป็น ห้องนอนที่ใหญ่กว่า มีเตียง6ฟุต 3 เตียงเรียงกันโดยมีโต๊ะหัวเตียงคั่น และห้องน้ำในตัวที่เป็นอ่างอาบน้ำอีกที ติดใจอยู่อย่างเดียวคือห้องเก็บของที่ติดกับครัวอะ มันให้อารมณ์อับอ่ะ เพราะถ้าไม่เปิดไปหยิบไม้กวาด ไม้ถูพื้น หรือถุงช็อปที่คนเก่าสะสมไว้ มันก็ไม่ได้เปิดเลย เปิดมาที เหม็นอับเวอร์วัง รู้สึกไม่ค่อยดีกับอะไรแบบนี้เลย

ไฮโซเวอร์ ชีวิตดีๆที่ลงตัวในกรุงเทพฯ วินาทีนั้นแฮปปี้มาก ฉันจะใช้ชีวิตเยี่ยงราชาแล้วจ้า คอนโดหรูใหญ่กี่ ตรม ไม่รู้ แต่ใหญ่ขนาดนั้นอยู่10คนก็ได้อ่ะ ก็เตียง6ฟุต 3เตียงวางในห้องเดียวกัน แถมห้องเล็กก็มีเตียง 6 ฟุตเตียงเดี่ยวอีกเตียง แต่ได้อยู่คนเดียวไง ปกติก็ปล่อยเช่ามั้ง แต่คนคงออกไปแล้ว เดาล้วนๆนะ อันนี้ไม่รู้ ไม่กล้าถามอะ ทุกอย่างลงตัวดีมาก สำรวจห้องรับแขก แน้ะ มี ฮก ลก ซิ่ว ด้วยความที่เป็นลูกคนจีน อ่ะยกมือไหว้ซักทีเพื่อเป็นการบอกว่า เอ้อ ฉันจะมาอยู่ที่นี่นะจ๊ะ ตามที่พ่อแม่ปลูกฝังมา

(ถึงจะไม่เชื่อเรื่องผี แต่เวลาผ่านศาลเจ้า หรือ วัด ก็ยกมือไหว้ตลอด เพราะที่บ้านสอนจนชินและเป็นนิสัยที่ไม่ได้รู้สึกว่าดูแย่อะไร)

ใกล้ค่ำแล้วแม่บ้านก็มาปัดกวาดเช็ดถือห้องให้ แต่ไมได้ทำความสะอาดแอร์ ดูแอบมีฝุ่นเกาะพอสมควรแม่บ้านเลยจะเรียกคนล้างแอร์ให้พรุ่งนี้อีกที เพราะนางจะเลิกงานแล้ว เราก็โอเค โอเค เลือกแล้วว่าจะนอนห้องเล็ก เพราะจะนอนห้องใหญ่ก็เกรงใจ นอนยังไง3เตียง ย้ายของทุกอย่างเสร็จสรรพ ภายในมีโต๊ะหัวเตียง มีเตียง6ฟุต1เตียง และโต๊ะเครื่องแป้งที่มีตู้แขวนเสื้อไซส์มินิติดอยู่ เก็บของกว่าจะเสร็จก็3-4 ทุ่มแล้ว มาล้มตัวนอนในห้อง แต่ไม่เปิดแอร์เพราะฝุ่นคงจะถล่มน่าดูเชียว เอาวะ เปิดพัดลมนอน เปิดหน้าต่างบานเลื่อนกระจกไว้ซะสุดเลย ใครจะมาปีน โจรหรอ ฉันอยู่ชั้น 13 เลยนะ มองดูแล้ว อือ ไม่มีใครปีนได้หรอก ระยะห่างมันดูปีนไม่ได้อ่ะ ก็เลยเปิดไว้ ลดพัดเย็นสบายเลยแหละ ยกมือสวดมนต์บอกเจ้าที่เจ้าทางตามที่พ่อแม่เคยสอนเหมือนเดิมว่าเราจะมาอยู่มาเรียนนะ คุ้มครองเราด้วย จบพิธี นอนหลับ

เช้าที่แสนสดใสวันจันทร์ น้องนุ๊กลืมตาขึ้นมาบนเตียงนุ่มๆ สีขาวสดใส เหมือนในเอ็มวี หันไปมองหน้าต่าง ว้าย! ปิดสนิท!!!! แถมยังล็อคให้อีกด้วย !

นั่นแหละ ไม่มีทางที่ลมจะพัดจนหน้าต่างกระจกบานเลื่อนจนปิดได้ มันหนักมากนะ นึกออกป่ะ กระจกหน้าต่างบานเลื่อนนะเธอ แล้วยิ่งเป็นคนหลับเป็นตายอยู่แล้วอะ ตื่นขึ้นมาฉี่กลางคืนยังไม่มีเลย ไม่มีทางที่เราจะลุกขึ้นมาปิดได้แน่ๆ แล้วแต่จะเข้าใจ แต่เราบอกได้อย่างเต็มปากว่า ไม่เคยตื่นนอนเลย แม้จะปวดฉี่มากก็ตาม ตื่นทีเดียวตอนเช้า

เหตุการณ์ต้อนรับเหตุการณ์แรก ด้วยความไม่กลัวผี เลยแบบทำยังไงให้ตัวเองสบายใจดีวะ คิดเอาว่า เอ้า เจ้าที่แกคงมาช่วยปิดให้ เพราะมันคงจะอันตรายละมั้ง คงมาคุ้มครองเรา ไม่มีอะไรหรอก

จำไม่ได้ว่าวันจันทร์ที่ตื่นมาเนี้ย เปิดเทอมหรือยัง มันนานแล้วอ่ะ จำได้ว่า ได้ลองสำรวจคอนโดดู มีสระว่ายน้ำ มีฟิตเนส ที่ไม่ค่อยมีคนใช้ ทุกครั้งที่เข้าลิฟท์หรือเดินในคอนโดก็ไม่เจอคนไทยเลย ย่านนานานี่ ชาวต่างชาติทั้งนั้น เดินออกจากโรงแรมมาขึ้น BTS ก็เจอแต่ฝรั่ง แขก ผับ ร้านเหล้า เพียบไปหม้ด ตื่นตาตื่นใจสุด อยู่องครักษ์มานาน เจอแต่ป่า แต่ฟิวเจอร์เนาะ ลองไปสำรวจเมล์บ็อค ห้องชั้นเราว่า เอ้อ มีคนไทยอยู่ไหม อยากเห็นจ่าหน้าซองว่ามีชื่อคนไทยอยู่ชั้นเดียวกันเปล่า ลองดูเห็นเลขติดกัน ก็เห็นมีจดหมายทิ้งไว้เต็มเลย มีหมายความว่ามีคนอยู่หรือไม่มีนะ ก็ไม่แน่ใจ แต่เห็นเป็นชื่อฝรั่ง เลยแบบ เออ สงสัยไม่มีใครเป็นคนไทยละ ยกเว้นแม่บ้านกับยามอ่ะ

ใช้ชีวิตไปเรื่อยๆ 2-3 วันถ้าไม่นับเหตุกาณ์หน้าต่างปิดเองก็ไม่มีอะไรละ แฮปปี้มาก ชวนเพื่อน ชวนผู้ชายมาเที่ยวอย่างคนไม่เคยมีคอนโดมาก่อน  

จนกระทั่งคืนหนึ่งระหว่างนอนดูการ์ตูนเซเลอร์มูนภาคแรกอย่างออกรส 

กุกกัก! กุกกัก! ก๊อก    ก๊อก ก๊อก ก๊อก ดังถี่มาจากทางตู้เย็น หือ เสียงอะไรนะ ดังมาจากตู้เย็นในห้องครัว

ฉันหยิบรีโมทขึ้นมา Pause ความสนุกของเซเลอร์มูนลงทันที พร้อมเดินตรงไปที่ตู้เย็นอย่างไม่คิดอะไร

เปิดออกมา เสียงหนูป่ะ หรือน้ำแข็งละลาย หรือเสียงอะไร เอาหูแนบไปส่วนต่างๆของตู้เย็น ก็ไม่ได้ยินแล้ว หรือเป็นเพราะเปิดประตู แล้วของข้างในตู้เย็นมันเลยไม่ละลายหรืออะไร งง ยิ่งโง่เรื่องวิทยาศาสตร์อยู่ด้วย หยิบของในตู้เย็น อุ้ย มีช็อคโกแลตเพียบเลย กินได้ไหม หันหลังมาดูป้ายหมดอายุ อ่าว หมดมาแล้ว 3 ปี นี่แสดงว่ามันอยู่มานานแค่ไหนละเนี่ย หยิบเครื่องปรุงรสหรือขนมอันอื่นในตู้เย็นมาดู โอ๊ย ไม่มีอะไรที่ยังกินได้เลย มันหมดอายุหมดแล้วอี๊ขา จะทิ้งก็ไม่กล้า ตู้เย็นถ้าเราไม่แช่น้ำกินก็ไม่ได้แช่อะไรละ ช่างแม่ม ไว้งั้นแหละ ปิดตู้เย็นกลับมาดูทีวีต่อ

วันต่อมาเลยละกัน เหตุการณ์เดิม ดูการ์ตูนที่ห้องรับแขกบนโซฟา สักพัก ตู้เย็นดังอีกแล้วจ้า โอ๊ย รำคาญเวอร์ ดึงปลั๊กออกมันเลย จบๆ กินอะไรในตู้ไม่ได้อยู่ละ ฉันยังงงเลยว่าเค้าไม่ได้อยู่มาหลายปียัง ทำไมของในตู้เย็นถึงหมดอายุแล้ว แล้วถ้ามันเสียจริงๆแล้วไม่มีคนอยู่ มันก็ต้องเหม็นในตู้เย็นหมดแล้วป่ะ งง

ไม่เข้าใจตรงนี้ หรือเขาเซ็ตไว้เปิดแต่ตู้เย็น มันถึงไม่เหม็นเน่า งงป่ะ นี่งงนะ โนแคร์โนสน ถอดออกจะได้จบๆ ไม่ชอบเสียงที่มันทำให้รำคาญใจอะ น้ำกินแบบไม่เย็นก็ได้ ใครแคร์

แต่กับไม่เป็นอย่างที่คิด คืนนั้นมันดังทั้งคืนเลย เสียงเหมือนคนเคาะตู้เย็นอ่ะ ดัง ก๊อก ก๊อก ก๊อก นาทีละ 3-4 ทีอ่ะ เราก็เออ ทนหน่อย น้ำแข็งมันคงละลาย พรุ่งนี้ก็หายแล้ว ขนาดอยู่ในห้องเล็กห้องเดี่ยวที่ปกติไม่ได้ยินอะไรข้างนอก ยังได้ยินเสียงตู้เย็นเลยอะ แต่ก็เอาวะ ช่างมัน พรุ่งนี้ก็หายละ

ตื่นเช้ามา แฮปปี้ เสียงหายแล้ว 

แต่คืนนี้ เอาอีกแล้ว มันดังขึ้นอีกแล้ว เสียงเคาะมันดังและถี่ขึ้น เอาหูไปแนบ ก็ได้ยินในตู้ บางทีก็ดังกึกๆ เราก็ใจไม่ค่อยดีละ คือถอดปลั๊กตั้งแต่เมื่อวานละไง เอาวะ ลงไปถามคนที่เคาเตอร์ ลองแกล้งไปถามว่าห้องข้างๆเรามีคนอยู่ไหม เพราะอาจจะมาจากห้องเค้าก็ได้ คือมันรำคาญจริงจนกล้าไปถามเค้าอ่ะ ทำเป็นคุยถามว่ามีคนไทยไหมที่นี่ เค้าก็ว่ามีแต่น้อยอะไรประมาณนี้

นี่เลยถามไป เค้าก็บอกห้องที่ขนาบข้างเราทางที่ติดกับตู้เย็นอ่ะ มีคนซื้อ แต่ไม่อยู่ เหมือนซื้อไว้แค่พักผ่อนตอนมาไทยอ่ะ ไม่ได้เปิดสวิตไฟไว้ ส่วนอีกห้องที่ติดกัน ห้องนั้นปล่อยเช่ายังไม่มีคนเช่ามั้ง นี่เลยไปดูที่เมล์บ็อค ก็อ่อ ถึงว่า ไม่เห็นมีใครเก็บจดหมายทั้งสองห้องไปเลย เรากลับเข้ามาในห้องนอนพร้อมข้อสงสัยมามากมาย อยากจะโทษว่าต้นเสียงมาจากห้องข้างๆจะได้สบายใจ แต่มันดังมาจากตู้เย็นจริงๆอ่ะ เข้าไปดูในห้องเก็บห้องแสนเหม็นอับ บรรยากาศแย่เอามากๆ แต่เสียงก็ยังมาจากตู้เย็นอยู่ ไม่โอเคละ เริ่มขนลุกละ คืนนั้นเสียงดังขึ้นมาก และถี่ เสียงดังก๊อกๆๆๆๆ สักพัก ปึ้ง ปึ้ง เสียงดังเข้ามาในห้องนอนเราแบบ เออ ไม่ธรรมดาละ ขนลุกละ คืนนั้นนอนเปิดไฟทั้งคืนหลับเกือบตี 3 ตี 4 ไม่กล้าออกไปดูทีวีละ ใจไม่ค่อยดี เหตุกาณ์มันแปลกๆละ

ช่วงนั้นก็ยอมรับเลยว่ามีความกลัวเกิดขึ้นจริงๆ แต่อย่างว่า มันไม่เห็นเป็นรูปเป็นร่าง มาแต่เสียง เสียงจริงๆ เป็นเสียงเคาะที่ดังต่อเนื่อง หลายครั้งเป็นเสียงทุบ พอดีช่วงนั้นเป็นที่ทำรายงานกลุ่ม เราก็ชวนเพื่อนทุกคนมาทำที่ห้องเรา ซึ่งหนึ่งในนั้น มีเพื่อนเราคนหนึ่ง ชื่อนัท นัทคือคนที่สมญานามว่าเป็นคนเห็นผีของรุ่น นัทมักจะสัมผัสได้ถึงพลังงานบางอย่างเหมือนรายการคนอวดผี ซึ่งเรื่องเสียงแปลกๆจากตู้เย็นที่คอนโดคือไม่เคยเล่าให้เพื่อนฟังเลย กลัวเพื่อนเทแล้วจะไม่มาไง สุดท้าย เพื่อนก็มา วินาทีที่นัทเข้าห้อง นัทนิ่งไปสักพัก ฉันก็ใจไม่ดีละ ถามนัทว่ามีอะไรเปล่า นัทบอกเปล่าๆ แต่สายตานัทเหลิกหลักเวอร์

คืนนั้นพวกเรานั่งทำงานกันที่ห้องรับแขก นัทนอนบนโซฟา พวกเราก็ทำงานตัดต่อกันเรื่อยเปื่อย สักพักนัทหลับไป สะดุ้งขึ้นมาอีกที คือนัทรู้สึกตัวว่ามีอะไรสักอย่างมาฉุดตัวนัทอย่างแรง พร้อมกับมีรอยจ้ำฝากไว้บนตัวนัทด้วย พวกเพื่อนๆก็บอกว่า ฝันมั้ง รอยนี่รอยมือเองเปล่า คือไม่มีใครกลัว เพราะบรรยากาศมันก็ไม่ได้น่ากลัวขนาดนั้นอ่ะ

ทุกอย่างผ่านไป เสียงตู้เย็นก็มีปกติ ลงมาส่งเพื่อนๆและนัทด้านล่าง เราเลยเค้นนัท ว่า  เอาจริงๆ ว่าเจออะไรในห้องกุไหม นัทตอนว่าไม่มี แต่สายตานัทแบบ เออ บอกมาเถอะ ไม่กลัวหรอก แค่อยากรู้ นัทบอกว่า เอาจริงนะ เปิดประตูเข้ามาก็เห็นผู้หญิงอยู่ข้างๆตู้เย็นเลยว่ะ ติดกับห้องเก็บของนั่นอ่ะ 

โอ๊ยยยย ยอยักษ์ล้านตัว คือจะไม่กลัวเท่าไหร่นะ ถ้าไม่บอกว่าข้างตู้เย็นอ่ะ แต่แบบ ตู้เย็น ทำไมต้องตู้เย็น ขนลุกไปทั้งร่างเลย

ฉันกลับเข้าห้องคนเดียวอีกครั้งหลังจากส่งเพื่อน ทุกอย่างน่ากลัวขึ้นมากๆ ถึงสภาพทั่วไปจะปกติ แต่รู้สึกแย่กับตู้เย็นที่สุด กลัวมาก กลัวจนแบบ ได้ยินเสียงตู้เย็นแล้วหวาดระแวงเหมือนจะเป็นบ้าแล้วอะ มันคือเสียงคนทุบแล้วอะตอนเนี้ย มันไม่ใช่เสียงกุกๆกักๆเบาอีกต่อไป ตุ๊บ ตุ๊บ ตุ๊บ ปังๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ ตึงๆๆๆๆ มาทุกจังหวะ ทุกคีย์ ทั้งวัน ไม่ว่ากลางวันหรือกลางคืน กรูไม่อยู่แล้ว หนีเก็บของสำคัญกลับบ้านนครปฐม แล้วไปกลับ กรุงเทพ นครปฐมเอาเลย ทนอยู่ไม่ได้อีกแล้ว

กลับมาบ้านแม่ก็ถามว่า ทำไมต้องไปกลับกรุงเทพ นครปฐม ทุกวันด้วย เราก็เล่าให้แม่ฟัง แม่ก็ดูไม่เชื่อ หาว่าเราอยู่คนเดียว เลยเหงาๆ วังเวง แต่สภาพเราแย่จริงตอนนั้น เรากลัว เรารู้สึกว่ามันดูใกล้ตัวเกินไป และการเดินทางไปกลับกรุงเทพ นครปฐม 5 วันต่อวีคเป็นอะไรที่เหนื่อยจริง

แม่เลยให้คำปรึกษาว่า ทำไมไม่ทำบุญให้เค้าล่ะ เราก็ เอ้อ จริงด้วย ก็เลยตักบาตรไปให้ จากที่บ้านประมาณนี้ จนถึงวันอาทิตย์อีกครั้ง ตัดสินใจว่าเอาละ กลับไปอยู่ก็ได้วะ ไหนๆก็ตักบาตรไปให้แล้ว ถ้ามันเวิร์คจริงๆ มันคงต้องช่วยได้บ้างแหละ

เราเลยกลับไปเผชิญหน้ากับตู้เย็นผีบ้าอีกครั้ง แต่ยังไม่ทันเปิดประตูเข้าห้องเลยอ่ะ ก็ได้ยินเสียงตู้เย็นแล้ว นี่แบบ โอ๊ย กรูจะทำยังไงดี เปิดเข้าไป แล้วรีบวิ่งเข้าห้องเล็ก อย่างไม่คิดชีวิตเลยอะ เสียงทุบไม่หยุดหย่อนจริงๆ พลบค่ำแล้ว เราก็กำลังจะออกไปหาอะไรกิน ยังไงก็ต้องผ่านตู้เย็นผีบ้านั่นอะ เลยแบบ เอาวะ ไหนๆก็ไหนๆแล้ว เป็นไงเป็นกัน เดินออกมาด้วยความกึ่งกล้า กึ่งกลัวแล้วพูดกับตู้เย็น ด้วยเสียงดังชัดเจน

“เรามาอาศัยอยู่ที่นี่ คอนโดอี๊เรา เรามาเรียนหนังสือ ถ้าเราทำให้ไม่พอใจเราขอโทษด้วยที่มารบกวน แต่เราขออยู่อย่างสงบสุขได้ไหม เราไม่รู้ว่าเธอต้องการอะไรกันแน่ แต่เราจะซื้อของมาไหว้เธอทุกวันจันทร์แล้วกัน”

จำได้ว่าคำพูดประมาณนี้ พร้อมยกมือไหว้และเสียงสั่นๆอะ แล้วเรานึกขึ้นได้ว่า นกน้อย เพื่อนอ้วนๆที่เราเคยปรึกษาช่วงสัปดาห์ที่แล้วที่ไปกลับ กทม-นครปฐม เพราะกลัวผี นางบอกว่า เอาของมาไหว้สิ เขาหิวเปล่า ไม่งั้นเขาจะเคาะตู้เย็นทำไม เออ นี่แบบ จริงว่ะ เออ จริงด้วย

หลังจากกินข้าวเสร็จ  สุดท้ายคืนนั้นเราก็ซื้อของจากเซเว่นข้างหอมาไหว้ มีโค๊กขวดแก้ว มีบีทาเก้น และขนมปังก้อน20บาท มาถึงก็จัดใส่จานอย่างดี แกะทุกอย่างใส่จาน เปิดฝาขวด เจาะหลอด แล้ววางไว้บนตู้เย็น พร้อมพูดว่า เอาขอมาไหว้แล้วนะ ขอให้เราอยู่อย่างสงบสุขด้วย จะเอามาไหว้ทุกวันจันทร์ คืนนั้นก็มีเสียงทุบอยู่ แต่เบาลงนิดเดียว เปิดไฟนอนเหมือนเดิม

ตื่นเช้ามาอันแสนสดใส ช่วงที่ตื่นยังไม่กล้าลุกออกจากเตียง เงี่ยหูฟังเสียงตู้เย็น คุณคะ ไม่มีเสียงตู้เย็นแม้แต่นิดเดียวเลยค่ะ โอ้มายกอช เรามาถูกทางแล้วว้อยยยยยยยยยยยยยยยย

ไม่เชื่อก็ต้องเชื่ออ่ะ หลังจากไปเรียนกลับมา ก็ไม่มีเสียงตู้เย็นอีกต่อไป ไม่มีแม้แต่เสียงก๊อกแก๊กเล็กๆ เสียงทุบไม่มีอย่างน่าใจหาย ทุกอย่างกลับมาสงบสุขดังเดิม โอ้โห ฉันนี่ลั้ลลาเลย มีความสุขมาก ใช้ชีวิตปกติสุขอีกครั้งหนึ่ง และในทุกๆสัปดาห์ ฉันก็ไม่ลืมว่าจะซื้อของทั้ง 3 อย่างนี้มาไหว้ผลัดเปลี่ยนกันอย่างไม่ขาดสาย ทุกอย่างดูจะลงตัวเหมือนเดิมแล้ว

จนฉันเริ่มเหลิง และเริ่มทำผิดสัญญา ความเคยตัวประกอบการ ไม่มีเสียงตู้เย็นอีกต่อไป ทำให้ฉันเริ่มที่จะละเลย การเซ่นไหว้แล้ว วันจันทร์ที่จะต้องซื้อมาไหว้ เราลืม แต่ขึ้นมาแล้ว ขี้เกียจลงไปอีก เลยยกมือไหว้ บอกว่า ขอเป็นพรุ่งนี้นะ วันนี้ลืมจริงๆ ทุกอย่างปกติ วันอังคาร ก็ยังลืมซื้อมาอีก ยกมือไหว้เหมือนเดิม ขอผ่อนผัน เหตุการณ์ก็ปกติ วันพุธแล้ว เหตุการณ์วนลูป ลืมซื้อ และเริ่มไม่กลัวแล้ว ไม่เห็นมีอะไรเกิดขึ้นเลย แต่ก็ยกมือไหว้ขอเป็นพรุ่งนี้ ทุกอย่างก็ปกติอีก วันพฤหัสบดีจ้า กลับมาหอเหตุการณ์ทุกอย่างเหมือนเดิม ลืมซื้อ ยกมือไหว้ขอเป็นพรุ่งนี้ ทุกอย่างก็ปกติ จนกระทั่ง เวลานอนมาถึง….

ด้วยความทีตู้เย็นอยู่ตรงครัวที่ติดกับห้องรับแขก แล้วไม่กล้าไปดูทีวีตรงนั้นอีกต่อไป จึงได้ทำการยกทีวีเข้ามาดูในห้องนอนเลย แต่จะวางไว้ปลายเท้าไม่ได้ เพราะทางเดินจะแคบ เดินไม่สะดวก เลยวางบนโต๊ะหัวเตียงแทน ซึ่งเวลาดูมานอนดูอยู่ปลายเตียง

คืนนั้นก็ปกติสุข นอนเล่น Facebook บนมือถือ ปิดไฟมืดสนิท มีเพียงแสงไฟจากหน้าจอมือถือเท่านั้น สไลด์ๆเม้ากะคนนู้นคนนี้สักพัก ก็มีเหตุการณ์สะเทือนใจที่สุดในชีวิตเกิดขึ้น

มีเสียงทุบทีวีจอนูนที่อยู่ข้างหัวเตียง ระยะไม่เกิน1ช่วงแขน ดังลั่น ปั๊ง ปั๊ง ปั๊ง ปั๊ง ปั๊ง เราสุะดุ้งเลย มันใกล้หูมาก มันใกล้จนแทบจะหมดสติลงทนที เกิดมาไม่เคยคิดว่าจะเจออะไรขนาดนี้ ทีวีจอนูนที่ทุบแล้ว จะมีเสียงสะท้อนในเครื่องมันดังสนั่นไปหมด นี่ค้างเลย ค้างมาก ไม่กล้าแม้แต่หันหน้าไปดู ไม่รู้ว่าหน้าตัวเองเป็นยังไง แต่เป็นวินาทีที่แบบ เอาแล้วกรูโดนแล้ว หัวตอนนั้นคือโล่งไปหมด ทำอะไรไม่ถูก กรูจะทำยังไงต่อดี โอ๊ย คิดๆๆๆๆๆๆ คิดอะไรไม่ออกอีกต่อไปแล้ว

ในที่สุดเราก็ตัดสินใจเปิดไฟฉายจากมือถือหมุนวาร์ปส่องไปทางทีวี เอาวะ ไหนๆก็ไหนๆแล้ว (ซึ่งทางทีวี ตรงไปอีกประมาณ 5 ก้าวคือประตูห้องอะ)

เรากวาดแสงไฟไปทางทีวี ไม่มีอะไร ตัดสินใจได้ รีบวิ่งลงไปเซเว่นด้วยชุดนอนชุดนั้นเลย ไม่คิดอะไรแล้ว กรูต้องซื้อของไหว้เท่านั้น มารู้ตัวอีกทีในเซเว่นคือชุดนอนกางเกงบอลไข่แกว่งไปมาเป็นลำชัดเจนเว้อ น่าอายที่สุด

สุดท้ายก็กลับมาไหว้อย่างเร่งรีบ ทุกห้องตอนนี้เปิดไฟสว่างหมด เมื่อไหว้เสร็จก็ไม่อยู่ห้องละ ขึ้นไปสงบจิตสงบใจอยู่บนชั้นสระว่ายน้ำ (ชั้นบนสุดของอาคาร) จนง่วงมากและกลับมานอนในห้องทันที จะได้หลับได้เลย ซึ่งดีที่มันไม่มีอะไร

สุดท้ายก็ใช้ชีวิตอยู่กับมันมาตลอด1เทอม และพอปิดเทอมกลางภาคก็ได้ย้ายออกอย่างถาวร เพราะไม่สบายใจจริงๆ

จริงๆมีเหตุการณ์น่ากลัวอย่าง เห็นเงาคนแว๊บๆในทีวีตอนปิด กับตอนนอนแช่น้ำในอ่างซึ่งป็นห้องน้ำอยู่ในห้องนอนใหญ่ แล้วเห็นเงาอะไรเดินผ่านช่องระบายอากาศตรงประตูด้านล่าง ซึ่งไม่มีทางที่จะมีเงา พวกออกมาคือหน้าต่างและผ้าม่านห้องใหญ่ปิดสนิท ผ้าม่านแบบทึบทับซ้อนอย่างดี เงาที่เห็นก้าวเดิน ก้าวแตะ ก็กลัวจะเป็นโจร แต่สุดท้ายก็ไม่ใช่โจร แต่จะเป็นอะไรก็ไปคิดเอาเองแล้วกัน สิ้นสุดคอนโดแสนหรูย่านนานา ก็ย้ายมาอยู่คอนโดกับเพื่อนที่ห้วยขวางแทน

ซึ่งคอนโดเพื่อนมาวันแรก เพื่อนก็บอกว่า ห้องกุมีเจ้าที่นะ คนส่วนมากที่มาครั้งแรกเจ้าที่กุจะต้อนรับทั้งนั้น

ขอบคุณสำหรับข้อมูลดีๆค่ะเพื่อน ที่เพื่อนพูดทุกอย่างมันดันจริง เพื่อนเราหลับเรียบร้อยนี่นอนอยู่ แน่ะ เสียงเคาะกระจก

จากชั้นราวๆ 20 นี่เลยปลุกเพื่อน ๆ ได้ยินเปล่า เสียงเคาะกระจก หรือลมว่ะ เพื่อนตอบกลับมาว่า เค้ามาทักทายเฉยๆ่ะ ไม่มีอะไรหรอก แล้วก็นอนต่อ

เอ้อ เพื่อนดีเวอร์ เห็นเป็นเรื่องปกติได้ไง คืนนั้นก็ขนลุกเบาๆ แต่ไม่เจออะไร หลังจากวันนั้นก็ไม่มีเสียงเคาะอีกเลย

จนย้ายมาอ่อนนุช ลาดพร้าว ตอนนี้อยู่เอกมัย ก็ไม่เจออะไรอีกแล้ว ถามว่าทุกวันนี้กลัวผีไหม ตอบว่าไม่นะ เพียงแต่ก็ไม่มั่นใจเท่าเมื่อก่อนแล้วว่าไม่มีจริงๆ ที่เจอมา มันหลอนอยู่เหมือนกันนะ เลือกได้อยู่บ้านสบายใจสุด บรัย

จบแบบไม่เคลียร์ปมเสียงตู้เย็นใดๆ รู้แค่ว่า เออ เค้าหิว แล้วเราดีลเค้าได้ด้วยการเซ่นไหว้ สุดท้ายลืม เค้าก็เลยมาทวง แล้วจะไม่ให้เชื่อว่าเป็นผีได้ยังไง น่ากลัวออก นี่เล่าแล้วยังขนลุกอยู่เลย บรึ๋ย

จริงๆก็อยากรู้ว่าก่อนหน้านี้ มีคนหรอ หรือห้องนี้มันมีอะไร แต่ก็ไม่กล้าถามอี๊อ่ะ อี๊ดุ ให้มาอยู่ก็บุญแล้ว 

ขอบคุณที่มา https://pantip.com/topic/36252685/story

LEAVE A REPLY

Please enter your comment!
Please enter your name here