Home กระทู้ผีพันทิป คนดีที่คุณไสยไม่ยอมเข้าตัว

คนดีที่คุณไสยไม่ยอมเข้าตัว

คนดีที่คุณไสยไม่ยอมเข้าตัว

เรื่องนี้พระอาจารย์บุญโฮม ท่านเล่าให้ผมฟังนานแล้วครับ เป็นเรื่องสมัยที่ท่านไปธุดงค์จังหวัดหนึ่งทางอีสานใต้ซึ่งขึ้นชื่อเรื่องมนต์ดำทำของใส่คนมานาน ท่านย้อนกลับไปปี 2552 ท่านไปธุดงค์กับพระอีกรูปหนึ่ง อายุท่านกับพรรษาที่บวชก็ใกล้เคียงกัน

ในวันหนึ่งมีชาวบ้านมาพบกลดพระธุดงค์ ซึ่งก็คือของท่านและพระเพื่อน วันต่อมาก็พากันเอาอาหารมาใส่บาตรท่าน ขึ้นชื่อว่าบ้านป่าอาหารก็ตามมีตามเกิด มีผักน้ำพริกปลาย่างข้าวเหนียวเท่านั้น

แต่คนสุดท้ายคือชายชราอายุราวหกสิบกว่า ผมขาวสีดอกเลามีรอยหยักบนใบหน้า แกเดินถือกล้วยสุกมาหวีหนึ่งนั่งลง แล้วถวายให้ท่าน 

พระอาจารย์เห็นดังนั้นก็ยิ้มแล้วกล่าวให้พร ชายชราบอกท่านอยู่ที่นี่นานๆหน่อยนะขอรับ พระปฏิบัติดีปฏิบัติชอบมีอภิญญา นานๆถึงจะมาที่นี่สักครั้ง

พระอาจารย์ก็บอกอาตมาเป็นแค่พระสงฆ์ธุดงค์ธรรมดาแค่สองรูปตั้งใจศึกษาพระธรรมวินัย ไม่มีฤทธิ์มากมายขนาดนั้นหรอกโยม ตาท่านก็ยิ้มก่อนลุกเดินกลับหลังตามชาวบ้านไป

คืนนั้นเอง ท้องฟ้าเดือนหงายแสงพระจันทร์สว่าง พระทั้งสองรูปเดินจงกรมภาวนาได้พอสมควรก็พากันเดินมาเพื่อจะเข้ากลดเพื่อพักผ่อน พลันท่านได้ยินเสียงว่ามีบางอย่างวิ่งเข้ามา จึงพากันหันมองดู

มันคือหนูป่าที่ตัวใหญ่มาก สองตัวพอกันกับกระต่ายตัวนึงทีเดียว ดวงตามันเป็นสีแดงขนตั้งขึ้น พอมาถึงก็สะบัดขนใส่ท่าน

พระอาจารย์ท่านเห็นดังนั้นก็ภาวนาคาถาสะท้อนกลับห้าคำ ขนหนูที่พุ่งมาหลบตัวท่านทั้งสองพุ่งไปปักที่ต้นไม้ดังปักๆ ท่านหันไปมองดูหนูป่าสองตัว ปรากฏว่ามันวิ่งกลับหลังหายไปกับความมืดแล้ว

พระอาจารย์ท่านเดินไปดูขนที่ปักกับลำต้นไม้ใหญ่ มันกลับกลายว่าเป็น “ตะปู” ที่ขึ้นสนิมเกอะกรังทั้งหมด พลางคิดในใจ ใครเป็นคนส่งของคุณไสยอาคมนี้มา หากเป็นพระที่ไม่หนักแน่นในการปฏิบัติ

คงต้องตายคาผ้าเหลืองเป็นแน่แท้

เช้าวันรุ่งขึ้น ชาวบ้านก็พากันมาใส่บาตรท่านเหมือนเดิม พอชาวบ้านกลับกันหมดชายชราคนเดิมก็มา เมื่อแกเห็นว่าทั้งสองท่านปลอดภัยก็ยิ้มแล้วก้มกราบแทบเท้า เอ่ยปากถามว่าท่านมีอภิญญา หรือมีของดีอย่างที่ผมคิดไว้จริงๆ

พระอาจารย์จึงได้รู้ว่าคนที่ส่งหนูอาคมมาเมื่อคืนนี้คือแกนั่นเอง ท่านบอกว่าทำไมโยมทำเช่นนั้น ต้องการสิ่งใดกันหรือ?

ตาแก่ไหว้ขออภัยท่านบอก เพียงรู้ว่าท่านมีฤทธิ์ชาวบ้านที่นี่คงได้บุญกุศลจากการใส่บาตรทำบุญกับท่านมาก

พระอาจารย์เดินไปในกลดถือของสิ่งหนึ่งออกมา เป็นผ้าสังฆาฏิและเอาบางอย่างออกมา ในถุงพลาสติกนั้นมันมีผ้าเก่าๆอยู่

“ผ้าซิ่นของโยมแม่อาตมาเอง  ไหว้ทุกคืนก่อนนอนพักผ่อน”

ชายชรานั่งลงกับพื้น แล้วบอกเพราะสิ่งนี้อีกแล้วหรือ ข้าเคยยอมแพ้มาครั้งหนึ่งจนต้องเลิกทำ ไม่ว่าจะเป็นคนธรรมดาหรือผู้มีอภิญญา คุณไสยของข้าก็ทำอะไรไม่ได้เลย และนี่คือสิ่งที่คุณตาเล่าให้ท่านฟัง…

ย้อนไปสามสิบปีก่อนที่หมู่บ้านแห่งนี้ แกอายุสามสิบกว่ามีอาชีพเป็นหมอผี อาศัยบ้านไม้อยู่ท้ายหมู่บ้าน มักจะมีคนมาจ้างวานให้ทำคุณไสยเสมอ ส่วนมากที่ทำจะเป็นเสน่ห์เมตตา สาริกาหนังเหนียวมากกว่า แต่หากใครอยากทำใส่ใครให้ถึงแก่ชีวิต ต้องจ่ายมากขึ้นเป็นเท่าตัว

ผลงานของแกประสบความสำเร็จทุกครั้ง นับเกือบร้อยรายที่ได้ทำไป จนมาถึงคนสุดท้ายที่ทำแล้วไม่สำเร็จ และเป็นสาเหตุให้แกเลิกทำคุณไสยในเวลาต่อมา

มีผู้หญิงสาววัยเบญจเพศหน้าตาสะสวยมาจ้างวานให้ทำของใส่ผู้หญิงอีกคน คนนั้นคือเพื่อนสนิทที่ผู้ชายที่เธอชอบ  เธอไปรักเขาเอง จึงอยากให้เพื่อนตัวเองตายจะทำยังไงก็ได้ 

คือแกถึงจะรับทำคุณไสย ทำของใส่คนแต่ก็คิดว่าทำไมหญิงสาวคนนี้ใจร้ายมาก ขนาดเป็นเพื่อนกันแท้ๆ แต่ในเมื่อได้ค่าจ้างมาแล้วก็ต้องทำ 

แกจัดการคืนวันเพ็ญส่งผีตายโหงผู้หญิงไป หวังจะให้แฝงเข้าตัวและค่อยๆ กัดกินภายในทีละเล็กละน้อยจนตาย  หลังจากบริกรรมคาถาแล้วส่งไป ทีนี้ก็รอดูผลงาน

ผ่านไปหลายวัน ผู้หญิงคนที่จ้างก็มาหาด้วยท่าทางโมโห โวยวายว่าทำไมทำของแล้วเพื่อนไม่เห็นเป็นอะไร มิหนำซ้ำผู้ชายยังไปดีกับเขากว่าเก่าอีก

แกก็สงสัยทำไมเป็นอย่างนั้น? ถามว่านังเพื่อนเอ็งมันใส่พระดีอะไรหรือเปล่า เธอบอกไม่ได้ใส่อะไรไม่เคยสวดมนต์ไหว้พระ

หมอผีก็เลยบอกงั้นข้าจะทำใหม่ให้ เติมแรงผีพรายกับดินเจ็ดป่าช้าส่งไป อีกสามวันข้าจะเอาบาตรแตกไปฝังบริเวณบ้านมันด้วย เมื่อเห็นว่าแกรับปากอย่างดีเธอจึงกลับไป 

คืนนั้นแกก็ส่งผีพรายตายโหงไป พร้อมดินเจ็ดป่าช้าและในคืนวันที่สาม แกจะเอาบาตรแตกไปฝังในบ้าน

คืนวันที่สามมาถึง แกก็ย่องไปที่บ้านหลังของหญิงที่ทำคุณไสยใส่ไป หวังว่าจะได้ยินเสียงร้องไห้เวทนา

ของพ่อแม่เหยื่อเพราะนั่นหมายความว่างานของแกสัมฤทธิ์ผลแล้ว ทว่าไม่ได้ยินเสียงใดๆ 

แกกำลังจะเอาบาตรแตกขุดหลุมฝัง พลันได้ยินเสียงคนคุยกันในบ้าน เลยเอาตาแนบช่องไม้แอบดู แกก็ได้เห็นว่า

ผู้หญิงคนหนึ่งนั่งคุกเข่ากับพื้น มีคุณลุงคุณป้านั่งบนโต๊ะ ซึ่งเข้าใจว่าเป็นพ่อแม่ของเธอ เธอก้มลงกราบเท้าท่านทั้งสองคน และท่านก็เอามือมาลูบหัวเธออย่างเอ็นดู

“หนูกราบเท้าพ่อกับแม่ทุกคืนเลยนะลูก  บางวันหนูเหนื่อยมากก็ไม่ต้องทำก็ได้จ่ะ”

“พ่อขาแม่ขา หนูมีเพียงพ่อแม่ที่เป็นเหมือนมงคลสูงสุด ที่คุ้มครองตัวหนู ไม่ว่าหนูมีภัยใด หนูมั่นใจว่าพระคุณพ่อกับแม่จะทำให้หนู ปลอดภัย หนูเต็มใจทำจริงๆจ้ะ”

ลูกสาวโผเข้ากอดแม่เธอ

“ขอให้ความกตัญญูนี้  ให้หนูเจริญทุกอย่างในชีวิตนะลูก”

หมอผีหนุ่มได้เห็นและได้ฟังดังนั้น จึงเก็บเศษบาตรที่แตกใส่กระเป๋าเสื้อ ด้วยเหตุนี้เอง ผีพรายตายโหงที่ส่งมาถึงแฝงเข้าร่างไม่ได้

“อิทฤทธิ์”  ถึงมากมายเพียงใด ก็ย่อมพ่ายแพ้แก่  “บุญฤทธิ์” ซึ่งก็คือความกตัญญูต่อผู้มีพระคุณอยู่ดี ไม่ต้องมีอภิญญาใด ของวิเศษใด ย่อมแคล้วคลาดปลอดภัยอยู่เสมอ

ตั้งแต่วันนั้นมา แกก็เลิกรับจ้างทำคุณไสยของใส่ใครอีก อาจมีไปดูคนที่เจ็บป่วยโดยไร้สาเหตุ เป่าคาถาให้ต้มยาสมุนไพร เข้าใจโดยง่ายคือเปลี่ยนมาเป็นหมอธรรมนั่นเอง

หลังจากได้ฟังเรื่องจากโยมตาแล้ว พระอาจารย์บอกว่าความกตัญญูคือพื้นฐานของคนดี สัตว์เดรัจฉานบางชนิดยังมีสิ่งนี้เลย หากมนุษย์คนใดทำไม่ได้ ก็คงจะอายพวกมันเหมือนกันจริงไหม…เรื่องมีเท่านี้ครับ…

ขอบคุณที่มา : หาญ ใจสิงห์

LEAVE A REPLY

Please enter your comment!
Please enter your name here