อีเป๋อคือเครื่องรางของขลังชนิดหนึ่ง ที่ให้ทั้งคุณและโทษต่อเจ้าของของมัน และอยู่ที่ของเซ่นไหว้ที่เจ้าของได้บนบานศาลกล่าวเอาไว้ด้วย
อีเป๋อมีทั้งสายขาวและสายดำ สายขาวนั้นจะมาจากพระที่เคารพนับถือของสาธุชนทั่วไป ส่วนสายดำจะมาจากหมอผีที่ชาวบ้านเคารพนับถือ ส่วนมวลสารที่ใช้ทำก็จะมาจากของอาถรรพ์ทั้งหลายแหล่ เช่น ดิน เจ็ดป่าช้า กระดูกขี้เถ้าคนตายโหง ตะปูตอกฝาโลง ผมหรือชิ้นส่วนบางอย่างที่ได้มาจากผีตายท้องกลม ยิ่งตายโหงด้วยแล้ว ยิ่งเฮี้ยนหนัก
แต่ไม่ว่าจะเป็นอีเป๋อตัวไหน มันก็มาจากสายดำทั้งนั้นแหละ เริ่มเรื่องเลยละกัน…
เรามีเพื่อนอยู่คนนึง ชื่อแบงค์ เป็นคนจังหวัดแพร่ นางเป็นสาวประเภทสองที่รูปร่างบึกบึนๆ แต่ผิวพรรณนางนี่โคตรเนียนเลย เนียนยิ่งกว่าสาวแท้ๆเสียอีก
สมัยที่เรายังทำงานสายดำสายเทาอยู่ เราได้รู้จักแบงค์โดยบังเอิญ ที่สถานีรถไฟฟ้าอุดมสุข วันนั้นพอดีเรากำลังจะกลับไปทำงาน แล้วนางก็กำลังจะกลับไปทำงานเหมือนกัน
ตอนนั้นแบงค์ทำงานอยู่ที่สุขุมวิทซอย 4 นางหาจับแขกแถวๆนั้น แต่ด้วยความที่นางเป็นสาวประเภทสอง ที่รูปร่างค่อนข้างใหญ่โต นางจึงไม่ค่อยมีลูกค้า
อันที่จริงชีวิตแบงค์น่าสงสารมาก นางทำงานทุกๆอย่างเพื่อที่จะได้มาจุนเจือครอบครัว และด้วยความที่เราเป็นชะนีปากไว เข้ากับคนง่ายๆ รู้จักกันไม่นานเรากับแบงค์ก็สนิทกัน และมักจะไปมาหาสู่กันที่คอนโดบ่อยๆ
และด้วยความที่นางไม่ค่อยมีลูกค้า หลังเลิกงานนางจึงมักจะรอกลับพร้อมกับเรา เราก็มักจะออกค่ารถให้เพื่อนสนิทคนนี้ จนอยู่มาวันหนึ่งนางก็ทักมาบอกเราว่า
“บี… เราจะกลับบ้านที่ต่างจังหวัดสักพักนึงนะ บีช่วยออกค่ารถให้เราได้ไหม และฝากดูแลห้องเราให้ด้วยนะ”
“ได้สิแบงค์ ไม่เห็นมีปัญหาอะไรเลย แล้วแกจะไปไหนล่ะ”
“เราขอกลับบ้านไปพักแป๊บนึงก่อน ตอนนี้เราไม่ไหวเลยว่ะ ไม่มีแขกเลย”
“โอเค เดี๋ยวเราจัดการให้”
หลังจากนั้นผ่านไป 6 วัน แบงค์ก็ทักมาหาเราอีก
“เฮ้ยบี แกมีเงินให้ฉันยืมเปล่าวะ”
“เท่าไหร่ล่ะ”
“หมื่นนึง”
“เฮ้ย มันเยอะนะเว้ย มึงจะเอาเงินไปทำอะไรวะ” แบงค์ไม่ตอบในสิ่งที่เราถาม แต่ตอบมาว่า
“ที่ห้องเรามีตู้เย็น ทีวี ข้าวของเครื่องใช้ต่างๆ ถ้ากลัวเราไม่คืนก็เอาไปขายได้เลย”
เราก็เลยบอกกับนางไปว่า “ กูไม่ได้กลัวมึงไม่มีคืน แต่กูสงสัยว่ามึงจะเอาเงินไปทำอะไรวะ ตั้งหมื่นนึง”
แต่ด้วยความที่สมัยนั้นเงินเราหาง่ายมาก เราก็เลยโอนไปให้นาง หลังจากนั้นผ่านไป 2 อาทิตย์ นางก็กลับมาทำงานปกติ แต่กลับมารอบนี้นางปังมาก นางฮอตมาก คือวันๆหนึ่งนางมีลูกค้าเยอะมาก แถมยังสามารถเรียกราคาได้แบบไม่มีต่อ
เราได้ข่าวนางจากเพื่อนสาวอีกคน แต่เรายังไม่มีโอกาสได้เจอนาง เพราะเราติดลูกค้า และเราก็ต้องเดินทางไปสิงคโปร์กับลูกค้าด้วย
พอเรากลับมาจากสิงคโปร์ เราก็เอาของไปฝากนางที่ห้อง เห็นประตูห้องของนางเปิดค้างอยู่ เราก็สงสัยว่าใครเปิดประตูห้องนางทิ้งไว้ พอเดินเข้าไปในห้องนาง เราก็ต้องตกใจ เมื่อเห็นพานใส่ตุ๊กตาแปลกๆวางอยู่ที่พื้นห้อง คือบูชาแบบเหมือนกุมารเลย แต่นางวางไว้ต่ำมาก ในพานก็จะมีสำลี และอะไรก็ไม่รู้วางอยู่ ตรงหน้าพานก็จะมีของเซ่นไหว้พวกเหล้าและลาบเลือดวางอยู่
เราก็ตกใจสิ นี่เพื่อนเราเล่นของเหรอนี่ จนกระทั่งนางเดินออกมาจากห้องน้ำ พอนางเห็นสีหน้าของเรา นางก็เลยอธิบายให้ฟังว่า “เนี่ยเขาเรียกแม่เป๋อ ที่กูยืมเงินมึงวันนั้นไง กูไปเขมรมา ญาติกูเข้าไปขายของฝั่งโน้น กูเลยถามญาติว่ามีของดีอะไรไหม เขาก็เลยบอกให้กูบูชาแม่เป๋อมา”
เราเลยถามมันว่า “แล้วมึงเลี้ยงเขาด้วยอะไรวะ” มันก็ตอบว่า “ก็เหล้ากับลาบเลือดที่มึงเห็นนั่นแหละ แล้วไอ้สำลีที่มึงเห็นน่ะ มันเป็นน้ำอสุจิของผู้ชาย”
“เฮ้ย!! นี่มึงเอาน้ำอสุจิเลี้ยงแม่เป๋อของมึงเหรอเนี่ย” แล้วเราก็ถามนางอีกว่า ทำไมมึงวางเค้าต่ำจังว่ะ ของขลังวางต่ำแบบนี้เขาจะไม่หักคอมึงหรอ”
นางก็บอกว่า “แม่เป๋อที่กูเลี้ยงมาจากหมอผีที่เขมร เป็นของต่ำ ไว้ใกล้พระไม่ได้ ยิ่งเลี้ยงด้วยของต่ำ อย่างเหล้า ลาบเลือด อย่างนี้โคตรขลังเลยนะมึง”
เราก็ฟังนางพูดไปเรื่อยๆแต่ก็ไม่ได้ห้ามอะไรนาง แต่ก็เตือนๆนะว่า “ ของแบบนี้มึงต้องดูแลเขาดีๆนะเว้ย ไม่อย่างนั้นเขาเล่นงานมึงแน่” นางก็บอกว่า “เออกูไม่ลืมหรอกนะ”
เวลาผ่านไปไม่ถึงเดือน นางแบงค์ก็เอาเงินหมื่นที่เคยยืมมาคืนเราแบบง่ายๆ จากที่เงินร้อยยังหายาก ตอนนี้เงินหมื่นคือเรื่อจิ๊บ ๆ สำหรับนางเลย บางทีนางก็พาเราไปเที่ยว ไปกิน เลี้ยงแต่ละทีแบบหรูหรามากๆ คือชีวิตนางพลิกผันจากหลังเท้าเป็นหน้ามือเลยค่ะ เราก็ดีใจกับนางด้วย ที่นางจะได้ใช้ชีวิตแบบสุขสบายสักที
จนพักหลังๆนางมีแขกเลี้ยงประจำ แล้วช่วงนั้นเราก็เพิ่งเจอกับแฟนใหม่ ๆ ก็เลยไม่ค่อยได้เจอนาง ได้ข่าวล่าสุดนางบอกว่านางมีแฟนเป็นผู้ที่อยู่เมืองน้ำหอม เราก็ดีใจกับนางด้วย แฟนนางชอบพานางไปเที่ยว บินไปต่างประเทศบ่อยๆ พอมาพักหลังๆ เราก็ไม่ได้ข่าวของนางอีกลย
จนอยู่มาวันหนึ่ง แม่ของแบงค์ได้โทรมาหาเรา บอกว่าติดต่อนางไม่ได้เลย เราก็เลยบอกแม่ไปว่า “แม่จ๋า แบงค์อาจจะอยู่กับแฟนที่ต่างประเทศก็ได้นะ” แม่ก็บอกว่า “ ไม่หรอกลูก เพราะแฟนของแบงค์ก็ทักมาหาน้องของแบงค์เหมือนกัน ว่าแบงค์หายไปไหน ไม่มีใครรู้เลย”
เราจึงไลน์ไปหาแบงค์ ผ่านไป 5 วัน นางถึงตอบไลน์เรากลับมาว่า “บี มึงมาหากูหน่อยสิ ที่ห้องกูนะ มึงมีกุญแจก็ไขเข้ามาเลย”
จนกระทั่งเราไปหานางที่ห้อง พอเปิดประตูเข้าไป เชื่อไหม เราเห็นสภาพของนางแล้วเราตกใจมาก คุณพระช่วย ห้องนางเหม็นเน่ามาก เหม็นอย่างกับมีหนูตายเป็นร้อยๆตัว ปกตินางจะเป็นคนที่สะอาดมาก แล้วหน้าตานางตอนนี้ มันโทรมมากเลย เหมือนคนอดหลับอดนอนมาเป็นเดือน แล้วนางก็บอกว่า
“หมู่นี้นอนไม่ค่อยหลับเลย กูได้ยินเหมือนเสียงคนเรียกตลอดเลยอ่ะบี”
“เฮ้ย มึงคิดมากหรือเปล่า มึงอาจจะไม่สบายก็ได้นะ เลยทำให้มึงนอนไม่หลับ”
“ไม่อ่ะบี แต่ตอนนี้กูหิวมาก มึงไปซื้ออะไรให้กูกินหน่อยสิ”
“อ๋อได้ๆ แล้วมึงจะกินอะไรล่ะ”
“กูอยากกินลาบเลือด ซื้อเหล้ามาด้วยนะ”
เราก็รู้สึกเอะใจ เพราะปกติแล้วแบงค์ไม่กินของพวกนี้ เบียร์ไม่เคยแตะ เหล้านี่ไม่ต้องพูดถึงเลย พอเราซื้อของกลับมาให้นาง นางก็นั่งกินอย่างกับผีเข้า ซดลาบเลือดแบบนัวๆ กินอย่างกับจะตายอดตายอยากมาจากไหน เหล้าเพียวๆนางกระดกกินเอากินเอา ทำอย่างกับปอบมาสิงสถิตในร่างของนาง ขนาดเราเป็นเพื่อนกันมาตั้งนาน เรายังรู้สึกสยองเลย
หลังจากที่นั่งกินอิ่มแล้ว นางก็มานั่งคุยกับเรา นางบอกว่าช่วงนี้รู้สึกแปลกๆ เหมือนมีคนคอยตามนางตลอดเวลายังกับเงา แถมยังได้ยินเสียงคนเรียกนางตอนดึกๆอีก ทั้งๆที่นางก็อยู่คนเดียว
“อีแบงค์ มึงหลอนเปล่าวะ มึงเล่นตัวไหนมาเนี่ย” เราถามนาง
“ตั้งแต่กูมีแฟน กูไม่ได้ยุ่งกับของพวกนี้เลยนะ แล้วกูก็ไม่ได้หูแว่วด้วย”
“เออๆ อย่าคิดมาก พักผ่อนนะมึง แม่มึงเขาเป็นห่วง”
ก่อนกลับ เราก็ได้มองไปรอบๆห้อง หาแม่เป๋อของนาง ปรากฏว่าแม่เป๋อของนางไม่อยู่แล้ว แต่เราก็ไม่ได้ถามอะไรต่อ แล้วน้องของนางก็ได้โทรมาบอกเราว่า “ พี่บีครับ เดี๋ยวบอลจะไปอยู่เป็นเพื่อนพี่แบงค์นะครับ รอสอบเข้ามหาลัยด้วย”
วันรุ่งขึ้น เราก็ได้ไปรับน้องของแบงค์ที่หมอชิต ที่นี่แหละ เรื่องราวความหลอนมันก็ได้มาตกอยู่ที่น้องบอล…
คืนนั้นน้องบอลนั่งวินมอเตอร์ไซค์มาหาเราที่คอนโด “ พี่บีครับช่วยผมด้วย ผมนอนไม่ได้จริงๆ” เราก็ตกใจคิดว่าน้องบอลทะเลาะกับแบงค์มา เลยถามไปว่ามีเรื่องอะไร
น้องบอลเล่าให้ฟังว่า “ก่อนที่ผมจะนอนทุกอย่างมันก็ปกตินะครับ ผมก็ทำความสะอาดห้อง แล้วก็ไปอาบน้ำ ส่วนพี่แบงค์ก็นอนอยู่บนเตียงตลอด พอผมเข้านอนกำลังจะเคลิ้มหลับ ผมรู้สึกเหมือนมีคนมาเล่นปูไต่ตามตัว ผมก็คิดว่าพี่แบงค์แกล้ง จึงลืมตาขึ้นมาดู ก็เห็นว่าพี่แบงค์นอนอยู่บนเตียงเฉยๆ ผมแปลกใจแต่ก็ข่มตานอนต่อ
นอนไปได้สักพักหนึ่ง ผมก็รู้สึกว่ามีใครมาลูบๆคลำๆที่เป้ากางเก พอผมลืมตาขึ้นดูเท่านั้นแหละ ใจของผมนี่ตกไปอยู่ที่ตาตุ่มเลยครับพี่บี!!
มีผู้หญิง ตาโต ผมยาว นั่งอยู่ข้างโซฟาที่ผมนอน กำลังเอามือมาลูบคลำตรงเป้าของผม ผมหันไปมองพี่แบงค์ พี่แบงค์ก็ยังนอนอยู่บนเตียง ผมแหกปากร้องดังมาก แต่พี่แบงค์ก็ไม่ตื่น ผมจึงรีบหยิบกระเป๋าเงินวิ่งออกจากห้อง แล้วนั่งวินมอเตอร์ไซค์มาหาพี่บีนี่แหละครับ”
น้องบอลนั่งยัน ยืนยัน นอนยันเลยว่ายังไงก็จะไม่กลับไปที่ห้องนั้นอีก และบอกว่าให้เราไปเก็บของที่ห้องของแบงค์เป็นเพื่อน แล้วน้องบอลก็จะย้ายออกไปอยู่ห้องเพื่อน
เราจึงไปเก็บของให้บอลที่ห้องของแบงค์ในตอนกลางวัน พอเปิดประตูเข้าไปเราก็เห็นนางนอนอยู่บนเตียง เราก็เลยเข้าไปปลุกนาง
“ นางแบงค์ ตื่น ๆ มึงจะนอนอะไรนักหนาเนี่ย”
แบงค์ก็ตื่นขึ้นมาด้วยความอ่อนเพลีย เหมือนคนไม่ได้นอนทั้งคืน แต่คราวนี้หน้าตานางซูบเซียวกว่าคราวที่แล้วที่เราเห็น แล้วอยู่ดีๆนางก็อาเจียนออกมา กลิ่นเหม็นเน่ามากกกก
สรุปคืนนั้นเราเลยต้องนอนเฝ้านางแบงค์ที่ห้อง แต่เราไม่ได้นอนเฝ้าคนเดียวหรอกนะ เราได้ชวนเพื่อนอีกคนมานอนเป็นเพื่อนด้วย เพื่อนคนนี้ชื่อว่า ออย
กลางวันนางแบงค์ก็นอนปกติ ไม่มีเหตุการณ์อะไรเกิดขึ้น แต่พอตกกลางคืน อยู่ดีๆนางก็นอนตาค้าง ลืมตาตลอด แต่เราที่นอนอยู่บนเตียงกับนางก็ขอตัวนอนก่อนละ เพราะเหนื่อยล้าจากการที่นั่งเฝ้านางทั้งวันทั้งคืน ส่วนนางออยก็เอาแต่เล่นเกมอยู่ที่โซฟา
เรานอนหลับไปได้สักพัก นางออยก็มาสะกิดเรียกเรา
“บี ๆ ”
เราจึงบอกไปว่า “โอ๊ย อย่ามากวนกู กูจะนอน”
“บี ๆ มึงตื่นมาหน่อยกูกลัว” นางเล้าหรือจนเรายอมตื่น
พอเราตื่นขึ้นมา ออยก็เล่าให้เราฟังว่า ตอนที่เรานอนหลับอยู่ ออยเห็นนางแบงค์ ลุกไปนั่งหากินของดิบหมูดิบในตู้เย็น ออยทักแบงค์ว่าทำอะไร แบงค์ก็ไม่ตอบ แถมนางยังเดินกลับมานอนข้างๆเราอีก
พอนางเล่าจบเราก็บอกว่า “อย่าคิดมากไม่มีอะไรหรอก นอนต่อเถอะ” แล้วเราก็นอนหลับต่อ
จนกระทั่งกลางดึก ออยปวดฉี่ จึงเดินไปเข้าห้องน้ำ ก็เข้าไปนั่งปัสสาวะตามปกติ แต่อยู่ดีๆไฟในห้องน้ำก็ดับลง แต่ไฟที่ระเบียงยังติดอยู่ปกติ จึงไม่ได้สนใจอะไร นั่งเล่นโทรศัพท์อยู่ในห้องน้ำต่อไป
แต่พอออยเงยหน้าขึ้นมามองในกระจก นางก็ตกใจ เมื่อเห็นผู้หญิงพุงโตกำลังยืนจ้องมองมาที่นางจากในกระจก เท่านั้นแหละ ออยถึงกับแหกปากลั่น เปิดประตูห้องน้ำออกมา ตะโกนบอกว่าผีหลอก ๆ จนเรากับแบคงค์สะดุ้งตื่น
เราก็เลยถามว่า “ไหนวะผี ไม่เห็นมีสักตัวเลย มึงหลอนป่ะเนี่ย” ออยจึงมองไปรอบๆห้อง แต่ก็ไม่เจออะไร แต่ออยก็ยังรู้สึกกลัวอยู่ดี คราวนี้พวกเราสามคนเลยมานอนอยู่บนเตียงเดียวกัน เรานอนอยู่ตรงกลาง ขนาบข้างด้วยนางออยและนางแบงค์
เรานอนหลับไปสักพัก จู่ๆเราก็มีความรู้สึกว่า มีคนมาเล่นปูไต่ที่ตัวเรา แล้วเริ่มหนักขึ้นหนักขึ้น พอเราลืมตาขึ้นเท่านั้นแหละ ปรากฏว่ามีผู้หญิงท้องโตผมยาวที่ไหนไม่รู้ มานั่งทับที่ตัวเรา เราร้องกรี๊ดออกมา หันมองหาเพื่อน แต่ปรากฏว่า ไม่มีใครอยู่บนเตียงเลยสักคน เพราะพวกมันไปนั่งกองรวมกันอยู่ตรงโซฟา
เราจึงตะโกนด่าพวกมันออกไปว่า “พวกมึงทิ้งกู!!” จากนั้นเราก็พากันวิ่งออกจากห้อง แล้วนั่งวินไปที่คอนโดของเราทันที
จนมาถึงคอนโดของเรา พอพวกเราตั้งสติได้ เราก็ยิงคำถามถามแบงค์ออกไปว่า “อีแบงค์ ทำไมห้องมึงมีผีวะ มึงไปทำอะไรมา”
“กูก็ไม่รู้เหมือนกัน เพราะกูก็เจอเหมือนกัน บางทีก็มานั่งทับตัวกูบ้าง มาให้กูเห็นบ้าง บางคืนกูนอนไม่หลับเพราะมันมาเรียกกูทั้งคืนเลย”
“เอ้า แล้วทำไมมึงไม่บอกกูตั้งแต่แรก”
“ถ้ากูบอกมึงแล้วมึงจะมานอนเป็นเพื่อนกูหรอ”
เราเลยตกลงกันว่าพรุ่งนี้เช้าเราจะพากันไปหาพระอาจารย์ที่เราสักน้ำมันและลงของไว้ กระทั่งตอนเช้า พอเราไปถึงบริเวณวัดเท่านั้นแหละค่ะ แบงค์ก็อ้วกไม่หยุดเลย ตัวสั่นอย่างกับผีเข้า พอขึ้นไปบนศาลาพระอาจารย์ท่านก็ทักเลยว่า “ของไม่ดี ไปเอามาไว้ทำไม เอาเขามาแล้วก็ปล่อยให้อดๆ อยากๆ” เราก็งงว่าท่านหมายถึงอะไร
แล้วท่านก็พูดต่ออีกว่า “เขาน่ะหิวทรมานด้วยนะโยม โยมไปเอาเขามาแล้ว ทำแบบนี้ได้ยังไง ม่ะ เดี๋ยวอาตมาจะลองช่วยดูนะ”
จากนั้นพระอาจารย์ท่านก็ทำน้ำมนต์ พรมให้พวกเรา แล้วก็ให้พวกเรากิน หลังจากที่น้องแบงค์กินน้ำมนต์เข้าไป นางก็ร้องอย่างกับถูกเชือด แล้วนางก็อ้วกออกมาไม่หยุด อ้วกเป็นสีเขียวเหม็นเน่ามาก
จนนางเรื่องอาการดีขึ้น พระอาจารย์ท่านก็เลยบอกให้เรา ไปพาเค้ามา ท่านจะช่วยเค้าเอง เราก็ยังงง ๆ อยู่ว่าท่านหมายถึงอะไร จนพระอาจารย์ท่านก็หันไปถามแบงค์ว่า เค้าอยู่ไหน พอนางแบงค์บอกกับพระอาจารย์เท่านั้นแหละ เราก็รู้เลยว่าผีตนนั้นคืออะไร แม่เป๋อ ที่นางเอามาบูชานั่นเอง ที่คอยมาหลอกหลอนนางและพวกเรา
คือช่วงที่นางแบงค์ไปต่างประเทศกับแฟนบ่อยๆ นางก็ปล่อยแม่เป๋อไปไว้ที่ห้อง แล้วไม่มีการเลี้ยงดู ไม่บูชา แถมยังเอาเค้าไปไว้ในตู้เสื้อผ้าอีก
พอเราได้ฟังดังนั้น เราก็เลยหันไปถามนางว่า “แล้วมึงจะเอายังไง ลำบากพวกกูต้องกลับไปเอาให้อีกสินะ กลัวก็กลัว”
แล้วพระอาจารย์ท่านก็บอกกับเราว่า “มึงจะกลัวทำไม เกิดวันราหู แถมของดีก็ให้ติดตัวไปแล้ว เขาทำอะไรมึงไม่ได้หรอ”
พอไปถึงคอนโดแบงค์ เจอป้าแม่บ้านกำลังทำความสะอาดด้านนอกอยู่ ป้าแม่บ้านก็ถามพวกเราว่า “ หนูหนู เพื่อนหนูน่ะเขาท้องหรอ ป้าเห็นเดินไปมาอยู่หน้าห้อง แล้วดึกๆก็ชอบออกมาเดิน คนท้องควรไส้ ต้องนอนพักผ่อนเยอะๆนะลูก”
แต่เราก็ไม่ตอบอะไร แค่ยิ้มเจื่อน ๆ แล้วเราก็เข้าไปเอาแม่เป๋อออกมา แล้วรีบเอาไปให้พระอาจารย์ทำพิธีที่วัดทันที
พระอาจารย์ท่านเห็นแม่เป๋อ ท่านก็บ่นเลยว่า “เห้ออ ของแบบนี้เอามาได้ยังไง ของอัปรีย์จัญไรทั้งนั้น ทำไมกล้ากราบไหว้บูชากันนะพวกมึงเนี่ย”
พระอาจารย์ยังบอกอีกว่า อีเป๋อของนาง ทำมาจากผงกระดูกผีตายทั้งกลม ด้านในมีใหญ่เชือกที่ใช้ผูกคอตาย ใส่อยู่ในตัวด้วย พอพวกเราได้ฟังดังนั้น เราก็ด่านางแบงค์ยับเลย
ระหว่างที่พระอาจารย์ท่านทำพิธีอยู่ นางแบงค์ก็อ้วกไม่หยุด น้ำตาไหลตลอด จนพระอาจารย์ท่านต้องผูกแขนให้ หลังจากเสร็จพิธี พระอาจารย์ก็ยังไม่ให้นางแบงค์กลับ ท่านให้นางบวชพราหมณ์ให้เขาด้วย เพื่อเป็นการเสริมดวงให้กับตัวเอง เพราะนางดวงมันตก ชะตาขาดตอนอายุ 25 ปีพอดีเลย
หลังจากนั้นพวกเราก็ไม่เคยเจอแม่เป๋ออีกเลย ส่วนนางแบงค์ก็ไม่กล้าไปยุ่งเกี่ยวกับของสายดำอีกเลย…และนี่คือเรื่องราวทั้งหมด
สุดท้ายอยากจะบอกว่า ไสยศาสตร์มันมีโทษมากกว่าคุณ ดวงดีอาจจะไม่เป็นอะไร แต่ถ้าดวงซวยขึ้นมาก็ถึงตายเลยนะ เราขอเตือนเพื่อนๆเลยนะว่าอย่าไปยุ่งกับไสยศาสตร์มนต์พวกนี้ดีกว่า
ขอขอบคุณเรื่องเล่าจากช่อง ชบาแก้วเล่าเรื่องผี เรื่อง อีเป๋อเฮี้ยน/โดย.ชะนีมีเมนส์
บทความ Rewrite ห้ามคัดลอก หรือนำไปเล่าลง Youtube หรือ พอดแคสต์