ช่วงเช้าวันที่ 5 เราทั้งสองคน ได้ลงจากภูทอก และไปหาซื้อเนสวีต้า ไปถวายพ่อแม่ครูบาอาจารย์ คือหลวงปู่อ่อน แห่งวัดป่าภูทรายทอง อ.เซกา จ.บึงกาฬ (ซึ่งหลวงปู่อ่อน กับผมไม่ได้เคยรู้จักกันมาก่อน แต่หลวงปู่ท่านทรงอภิญญาญาณมาก รับทราบว่าผมกับเพื่อนกำลังติดเรื่องการปฏิบัติธรรมในบางเรื่อง หลวงปู่ก็กรุณาให้พระมาตามตัวไปพบ และสามารถไขสิ่งที่ผมสงสัยได้โดยไม่ได้เอ่ยปากถามแม้แต่นิดเดียว) เราก็ไปถวายหลวงปู่เสร็จ ก็แวะไปที่ภูวัว ไปที่วัดป่าแสนช้างไล่ เพื่อไปกราบหลวงปู่อีกองค์หนึ่ง และชมสถานปฏิบัติธรรมอีกแห่งของภูวัว ที่สุดยอดมาก
เรากลับไปถึงภูทอกประมาณ ทุ่มกว่าๆ และเดินขึ้นภูทอก พอเดินไปถึงชั้น 5 ก็พบครูบา 2 รูป คือ ครูบาแอ๋ว และครูบาโจ ท่านกำลังนั่งสนทนากันอยู่ เสมือนรู้ว่าเราจะมา เพราะมานั่งดักทางที่เราจะผ่านอยู่ เราก็เลยนั่งสนทนากับครูบาทั้งสอง อย่างออกรสชาติ ตอนท้าย ท่านพูดเล่าให้ฟังหลายอย่าง โดยเฉพาะเรื่องคนตายแต่รายที่ผมจะเล่าให้ฟัง เธอชื่อว่าเยาว์
ครูบาแอ๋ว เล่าประวัติของเยาว์ว่า เธอเป็นสาวที่งามมาก ประกวดนางนพมาศ ได้ที่ 1 มาตลอดตั้งแต่อายุ 15-17 หมายถึง ชนะเลิศเป็นนางงามนพมาศ 3 ปีซ้อน พอหลังจากได้นางงามนพมาศ ปีที่ 3 ปรากฏว่า เธอได้เสียกับหนุ่มข้างบ้านจนท้องได้ 3 เดือน เธอก็บอกกับพ่อแม่ว่าจะขอแต่งงานกับชายหนุ่มข้างบ้านดังกล่าว แต่ปรากฏว่า พ่อแม่ไม่ยินยอม (ไม่ทราบว่าท้อง) พูดอย่างไรก็ไม่ยอม
สุดท้ายวันหนึ่งขณะที่พ่อแม่ของเยาว์อยู่ที่วัดภูทอกนี้ เธอได้กระทำการที่ทุกคนคาดไม่ถึง นั่นคือ เธอไปเอาปืนลูกซองยาวของพ่อมาบรรจุกระสุนในรังเพลิง เธอนั่งอยู่บนเตียงนอนของเธอเอง จับเอาปลายกระบอกปืนลูกซอง จ่อที่หน้าอกตัวเอง และให้นิ้วเท้าเหนี่ยวไกปืน เธอเหนี่ยวไกปืนสำเร็จ กระสุนปืนทะลุหัวใจ ไปทะลุยันหัวเตียง เธอตายคาที่ ขณะที่ยังท้องอยู่ เธอจึงตายท้องกลมและตายโหง ในเวลาเดียวกัน
เมื่อเธอตายไม่นาน ก็ปรากฏว่า เธอไปปรากฏกายให้คนเห็นอยู่เนืองๆ ทั่วไป เพราะวิญญาณเธอไม่สงบสุข ทุกคนหวาดผวา ขนาดแฟนเธอยังต้องไปขอตัดเอาชายจีวรพระมาคล้องคอ เพื่อไม่ให้วิญญาณเธอมาตามหลอกหลอน วิญญาณเธออาละวาด จนเป็นที่หวาดผวาของชาวบ้านแถวนั้น สุดท้ายพ่อแม่ เลยขอให้นำเอาเตียงของเธอมาไว้ที่ภูทอก
หลวงปู่จวนท่านเลยให้เอาเตียงนอนนั้นมาวางใกล้ๆ กุฎิของท่านที่ภูทอกชั้น 5 (กุฏิหลวงปู่จวนอยู่บนภูทอกชั้น 5) โดยมีการเชิญวิญญาณเธอมาอยู่ที่นี่ด้วย และเธอก็มาอยู่จริงๆ แต่เมื่อเธอมาอยู่ เธอกลับสงบ เพราะหลวงปู่จวนท่านแผ่ส่วนบุญส่วนกุศลให้กับเธอประจำ และคนมาปฏิบัติธรรมก็พากันแผ่ส่วนบุญส่วนกุศลให้เธอตลอด ทำให้เธอสงบ แต่เธอก็มีแอบไปแกล้งคนโน้นนี่นั้นอยู่เรื่อยๆ
วันหนึ่งมีพระที่มีอาคมแก่กล้า มาท้าท้ายเธอ เธอก็นิ่ง สุดท้ายพระองค์นั้นเลยจัดการรื้อเตียงนอนของเธอให้พัง เท่านั้นแหละก็ได้เรื่อง เธอก็มาเล่นงานทันที คาถาอาคมที่ว่าแน่ๆ แพ้เธอเรียบ แต่เธอก็ไม่ทำอันตรายอะไรพระองค์นั้น ทั้งที่สามารถทำให้ถึงตายก็ทำได้ แต่เธอแค่สั่งสอนให้หลาบจำ และเธอมาแอบปรากฏให้คนเห็นบ้างเป็นครั้งคราว โดยที่หลายๆ คนไม่ทราบว่าคือเธอ
ผมกับเพื่อนนั่งฟังครูบาเล่า ด้วยความสนใจ ครูบาเลยบอกว่า เดี๋ยวจะให้เยาว์เขาไปหานะ เพื่อนผมร้องบอกว่า ไม่ต้องนะ ไม่ต้องมานะ ไม่ได้อยากเจอ ไม่ได้อยากรู้จัก อย่ามานะ ถ้ามาจะแช่งนะ ผมเลยหัวเราะ แล้วพูดขึ้นมาว่า มาหาผมก็ได้ ผมยินดีจะเจอ ยินดีจะรู้จัก ผมกางเต้นท์อยู่บนภูชั้น 7 นะ พูดจบ เพื่อนก็ร้องดังว่า เฮ้ยยยย ไม่ใช่ ให้ไปชั้น 6 พี่กรณ์อยู่ชั้น 6 ไม่ต้องมาชั้น 7 นะ ให้ไปชั้น 6 แทน ผมก็หัวเราะแกล้งต่อ ว่า ไปหาได้นะที่ชั้น 7
ครูบาและเรา ก็สนทนากันอยู่ดึกพอสมควร ผมก็เดินถือไฟฉาย เดินไปคนเดียว ไปที่เตียงของเธอ ดูจิตตัวเองไป ก็เห็นจิตที่กลัว สลับกับรู้ทันจิตที่กลัว ความกลัวก็ดับ เผลอแว๊บก็กลัวอีก ก็อาศัยสติ เห็นจิตที่กลัว รอบนี้ความกลัวเลยหายไป ผมเดินไปยืนอยู่ตรงใกล้ๆ เตียงนอนของเธอ (ที่มีคนเห็นประจำ) ไปถึงก็ตั้งจิตสักการะพระรัตนตรัยในใจ และขอขมาพระรัตนตรัย และอธิฐานถึงบุญที่ตัวเองได้กระทำ สุดท้ายก็แผ่ส่วนบุญส่วนกุศลให้เธอ โดยอธิฐานว่า บุญกุศลใดๆ ที่ข้าพเจ้าได้กระทำมาตั้งแต่อดีตชาติ ถึงปัจจุบันชาติ ขอส่วนบุญกุศลนี้ จงถึงแก่เธอด้วยเทอญ ก็ยืนอธิฐานเสร็จ ก็ทำสมาธิต่ออีกเล็กน้อย เธอก็ไม่มาปรากฏกายให้เห็นในขณะนั้น แต่สัมผัสได้ถึงความดีใจที่แผ่กระทบกลับมา เมื่อออกจากสมาธิ ผมก็เลยขออนุญาตเธอถ่ายรูป แล้วก็เดินย้อนกลับไปคุยต่อกับครูบาทั้งสอง และเพื่อน ก็ไปเล่าให้ฟังว่าผมเดินไปแผ่ส่วนบุญส่วนกุศลให้ เพื่อนก็มองหน้าถามว่า เจออะไรไหม ผมก็บอกว่าไม่เจอนะ
ทั้งหมดก็สนทนากันอีกพัก จนดึกมาก จึงแยกย้ายกัน โดยครูบาท่านอยู่อีกด้านของชั้น 5 ผมกับเพื่อนก็เดินขึ้นไปชั้น 6 และ 7 แต่เจ้าหมาก็ตามไปส่งเพื่อนผมจนถึงเต้นท์นอน ก่อนจากเพื่อนก็บอกว่า ถ้ามีอะไรก็โทร.มา จะเปิดเครื่องไว้ และให้เดินกลับอย่างมีสติ ให้ตามดูจิตทุกขณะถ้ากลัวก็ให้รู้ทันตลอด เพื่อนก็รับปากเดินขึ้นชั้น 7 พร้อมหมาที่ติดตามไปส่ง ส่วนผมก็เดินวนไปอีกด้านของภูทอก (ผมผ่านสะพานที่เป็นหน้าผาระยะยาวๆ) เดินไปก็ดูจิตตนเองไปเรื่อยๆ จนถึงเต้นท์
เมื่อเข้าเต้นท์ ก็เจริญสมาธิภาวนา จนเสร็จ ก็แผ่ส่วนบุญส่วนกุศลให้ผู้เสียชีวิตทั้ง 3 (ทหารที่เมาเหล้าจนตกเขา เจ้าสังกะรีที่แสนซน และผีตายท้องกลมและตายโหง คือพี่เยาว์) หลังจากนั้นก็พักผ่อน
พอหลับก็ได้เรื่องทันทีผมได้ฝันว่าได้เดินทางไปที่หนึ่งซึ่งจำไม่ได้ว่าเป็นใคร ก็พบผู้หญิงสาวสวยคนหนึ่ง ในฝันนั้นเห็นครั้งแรก ก็รู้สึกชื่นชมในใจยิ่งนักว่า สตรีนางนี้ ทำไมถึงได้สวยงามมากขนาดนี้ครั้งแรกที่เห็นใบหน้า ที่ยังจำได้ขณะนั้น เธอผมยาว หน้าอิ่มเปื่อนไปด้วยรอยยิ้มของคนที่มีความสุข ใบหน้าผ่องใสนวลขาว เปล่งปลั่งมาก นึกชมในใจว่า สตรีนางนี้ ทำไมถึงได้งดงามยิ่งนัก ปรากฏว่า เธอเข้ามาพูดคุยด้วย ผมก็จำไม่ได้ว่าพูดคุยอะไรกัน และในฝันก็เดินกลับมาที่วัด และมาที่เต้นท์ที่ผมพัก ก็คุยกันมาตลอด ในฝันผมก็เข้าในเต้นท์ เธอก็ตามเข้ามาเฉยๆ ผมก็ร้องบอกว่า นี่มันวัดนะ จะมาอย่างนี้ไม่เหมาะสม เธอก็ยิ้มไม่ยอมไปไหน ผมก็สะดุ้งตืน ลืมตาขึ้นมาก็ยังเห็นเธอนั่งอยู่ที่เดิม แต่แปปเดียวก็หายไป ผมก็คิดว่า มันคงจำความฝันมาเห็นต่อ ก็เลยนอนต่อ พอหลับก็ฝันต่อเนื่อง โดยในฝันเธอขับรถมอเตอร์ไซค์มา แล้วบอกว่า จะตามไปส่งตลอดนะ ผมก็เลยนั่งซ้อนท้ายเธอ และไม่ว่าจะไปไหน เธอก็ตามตลอด และก็ส่งรอยยิ่มที่งดงามให้ตลอด และเธอมากลับมาส่งต่อที่เต้นท์อีกรอบ
มาถึงตรงนี้ ผมก็ฝันต่อว่า เธอจะขออนุญาตติดตามผมไปส่งและดูแลตลอดทางนะ ผมก็อนุญาต บอกว่า ถ้าต้องการไปด้วยก็ตามใจ เธอก็ยิ้มแล้วบอกว่า จะตามไปส่งไปดูแลตลอด
ในฝันผมก็เข้าเต้นท์ พอผมหันไปก็เห็นเธออยู่ในเต้นท์ ผมกำลังจะเอ่ยบอกเธอถึงความไม่เหมาะสมเพราะมันเป็นวัด เธอก็เฉลยมาทันที ว่าเธอคือ ” ผีพี่เยาว์ ” เธอขอบคุณผมที่แผ่ส่วนบุญส่วนกุศลให้ แล้วจะติดตามไปดูแลและตามส่งนะ ตอนนี้ไปก่อนนะ เธอพูดเสร็จเธอก็ยิ้มอย่างสวยงาม ผมตกใจสดุ้งตื่นทันที หันไปมองที่เต้นท์ ก็ยังปรากฏเห็นเธออยู่ภายในเต้นท์ด้วยตาเนื้อ เธอคงยิ้มเหมือนเดิม และหายไปทันที
ก็ปรากฏว่า เวลานั้น คือเวลาหกโมงเช้าเศษๆ ฟ้าสว่างหมดแล้ว ตอนนั้นก็ตื่นเต้นมาก และก็เลยนั่งสมาธิและแผ่ส่วนบุญส่วนกุศลให้อีกรอบ ผมก็เก็บเต้นท์ (ตั้งใจไปคุยงานกันต่อที่ประเทศลาว) ผมก็ทำภาระกิจส่วนตัว พร้อมทั้งเก็บเต้นท์ ก็ไปเจอเพื่อนที่ชั้น 5 สนทนากัน และผมก็เล่าให้เพื่อนฟังว่าเมื่อคืนเจอเธอแล้วทั้งหลับและตืน เธอสวยมากจริงๆ
ผมเล่าให้เพื่อนฟังแต่เล่าไม่หมด ไม่กล้าเล่าให้ฟังว่า เธอจะติดตามไปส่งเราทั้งสองคน และผมก็อนุญาตให้ไปเสียด้วย ผมก็เลยชวนเพื่อนไปนั่งสมาธิกันบนเตียงของเธอ เพื่อแผ่ส่วนบุญส่วนกุศลให้เธอ ก่อนเดินทางไปลาว เสร็จก็ลงมา ผมก็แอบไปเล่าเรื่องที่เจอให้ครูบาแอ๋วฟัง และขอตัวเดินทางไปลาว
พอไปทำธุระที่เวียงจัน เราก็ไปกินข้าวที่ริมแม่น้ำโขง ผมก็รู้สึกได้เลยว่า เธอติดตามมาตลอดจริงๆ แต่ผมก็ไม่รู้สึกกลัวเลย เพราะดูจิตตลอดไม่คลาด แต่พอดีเพื่อนต้องการกลับโรงแรมก่อน (เพื่อนเป็นคนนอนเร็วและตืนตี 3 ตี 4 ) ผมก็รู้สึกได้ทันทีว่า วิญญาณพี่เยาว์ได้ติดตามเพื่อนผมไปแล้ว ผมก็ไม่กล้าเล่าให้เพื่อนฟัง แต่ก็เล่าทั้งหมดให้เพื่อนชาวลาวและชาวไทยที่มากินอาหารด้วยกันอีก 4 คนได้ฟัง จนทุกคนกลัวกันพอสมควร พอดึกมาก็กลับ
ตื่นเช้ามา ผมก็ถามเพื่อนทันที ว่าอย่างไร เพื่อนตอบทันที เจอแล้วเมื่อคืนผีมาอยู่ด้วย โดยนั่งอยู่ที่หัวเตียง แต่ผมก็รู้ทันเลยไม่ได้กลัว พร้อมทั้งบอกลักษณะได้ตรงกัน ผมเลยหัวเราะแล้วเล่าให้เพื่อนฟังว่า ผมฝันว่าเธอจะติดตามเรามาดูแลและส่งพวกเราจะถึงที่แล้วค่อยกลับ เพื่อนเลยบอก นั่นไง ว่าแล้ว ทำไมไม่ยอมเล่าต่อ แต่ก็เจอแล้ว และเราก็เดินทางกลับไทย และเดินทางกลับ กทม.อย่างปลอดภัย พร้อมทั้งขอบคุณผีพี่เยาว์ ที่เป็นผีที่สวยมากๆ ที่อุตสาห์มาติดตามดูแลความปลอดภัยของพวกเราจนปลอดภัยตลอดเส้นทาง
ขอคุณที่มา นายกรณ์ มีดี