สวัสดีค่ะ….ขับรถไปส่งลิฟท์ตอนกลางคืน ง่วงนอนจึงแวะซื้อ The Shock มาฟัง เจอผีถาม “เรื่องกูสนุกไหม”

สวัสดีค่ะ

ที่บ้านของผมทำกิจการขนส่งลิฟท์ ไม่ใช่ลิปทาปากนะ แต่เป็นตัวลิฟท์โดยสารที่ใช้ในอาคาร เรื่องนี้มันเกิดขึ้นระหว่างที่ผมเดินทางไปส่งลิฟท์ให้ลูกค้าเจ้านึงครับ…

วันนั้นลูกค้าโทรมาสั่งลิฟท์ 1 ตัว ให้ไปส่งที่โรงแรมโรงแรมหนึ่ง ซึ่งอยู่ทางภาคใต้ของประเทศไทย หลังจากรับงานเรียบร้อยผมก็เตรียมตัวออกเดินทาง แต่ด้วยความที่เจ้าของโรงแรมโทรมาสั่งกระชั้นชิด เพราะต้องรีบใช้และอยากได้ของด่วนพรุ่งนี้เลย พ่อก็เลยโทรบอกรถบรรทุกสิบล้อที่ใช้บริการกันอยู่ประจำให้มาที่บริษัท พร้อมบอกสถานที่ที่จะไปส่งลิฟท์ 

พอรถบรรทุกมาถึง เรา 4 คน ผม ลุง คุณพ่อ และน้องชาย ก็ช่วยกันแพ็คลิฟท์และนำขึ้นรถ อย่างที่บอก รถที่ใช้ในการขนส่งนั้นเป็นรถบรรทุกสิบล้อเลย เพราะตัวลิฟท์ค่อนข้างใหญ่ โดยลิฟท์จะอยู่ด้านหลัง ส่วนพวกผม 4 คน และคนขับอีก 1 คน จะนั่งเบียดๆกันอยู่ที่หัวรถบรรทุก

ขณะที่กำลังจะออกเดินทาง ได้เกิดเหตุการณ์รถขนส่งมีปัญหา ต้องหารถคันใหม่มาแทน จึงทำให้ล่าช้าเข้าไปอีก ปกติก็รีบอยู่แล้ว แต่นี่ทำให้ล่าช้าไปอีก 

จนกระทั่งได้รถขนส่งคันใหม่มาก็เกือบเย็น ทำให้ต้องรีบเป็น 2 เท่า ขนาดที่ว่าข้าวยังไม่ได้กิน ต้องไปแวะซื้อระหว่างทางแล้วนำมากินบนรถเอา  จะเข้าห้องน้ำก็ต้องแวะปั๊มเพื่อทำเวลา 

ตอนแรกผมวางแผนไว้ว่าจะเดินทางตอน 13:00 น เพื่อให้ไปถึงที่โรงแรมลูกค้าช่วงเย็น ๆ ค่ำ ๆ แต่พอมันล่าช้า ทำให้พวกผมต้องเดินทางตอนกลางคืน 

เราเดินทางไปเรื่อยๆจนถึงจังหวัดจังหวัดหนึ่งทางภาคใต้ ถนนที่เราวิ่งไปอยู่กลางป่า ไม่มีไฟสักดวง มืดตลอดสองข้างทาง ตอนนั้นแต่ละคนเริ่มง่วงกันมากแล้ว ลุงเลยบอกว่า ง่วงว่ะ เพลงที่ฟังมันก็วนมาจนครบทุกเพลง เลยรู้สึกเบื่อ ผมก็เลยเสนอว่า เอาอย่างนี้ไหมครับ เดี๋ยวแวะซื้อแผ่น The Shock มาฟังกันดีกว่า ซึ่งทุกคนก็เห็นด้วย 

ก่อนที่จะเข้าไปในป่าลึกกว่านี้ มันจะมีร้านสะดวกซื้ออยู่ระหว่างทาง ผมก็เลยให้คนขับรถบรรทุกจอดแวะที่ร้านสะดวกซื้อแห่งนี้ แล้วผมก็ลงไปซื้อแผ่น The Shock มา 3 แผ่น จากนั้นก็เปิดฟังกันบนรถไปเรื่อยๆ  ฟังไปฟังมาก็เริ่มเคลิ้มหลับกันไปบ้าง ไม่เว้นแม้แต่ตัวผม 

ขณะที่ผมกำลังเคลิ้มหลับอยู่ มารู้สึกตัวอีกทีก็ตอนที่รถเบรคแรงมากดังเอี๊ยดดดด  จนรู้สึกว่าลิฟท์ที่ด้านหลังไหลมากระแทกดังปึง! ทุกคนสะดุ้งตื่น ถามว่ามันเกิดอะไรขึ้น คุณพ่อก็ถามคนขับว่าเกิดอะไรขึ้น 

คนขับบอกว่า เมื่อกี้นี้มีหมาตัวสีดำวิ่งตัดหน้ารถ ทำให้ต้องเบรคกระชั้นชิด มันเลยทำให้ของที่อยู่ด้านหลังไหลมากระแทกกับหัวรถบรรทุก

คุณลุงจึงหันไปดูข้างหลัง ก็เห็นว่าเชือกกับผ้าที่ใช้ยึดลิฟท์ไว้นั้นมันคลายออกหลวมๆ นั่นทำให้เราต้องลงไปมัดให้มันแน่นเหมือนเดิม แต่ตอนนั้นรถจอดอยู่กลางป่าที่มันมืดมาก มีแค่เพียงไฟจากหน้ารถเท่านั้น 

ไอ้ผมที่เป็นคนกลัวผีอยู่แล้ว พอได้ฟังเรื่องผียิ่งทำให้จินตนาการสูงขึ้นไปอีก แต่ในเมื่อทุกคนลงกันไปหมด ผมก็เลยต้องลงไปช่วยด้วย ช่วยกันหลายคนจะได้เสร็จเร็วๆ ยกเว้นคนขับที่นั่งรออยู่บนรถ

ระหว่างที่ลุงผมกำลังมัดเชือกให้แน่นอยู่ จู่ ๆ ผมก็ได้ยินเสียงดังมาจากข้างหลัง มันเป็นเสียงเท้าของคนกำลังวิ่งใกล้เข้ามาเรื่อยๆ ตึกๆ ตึกๆ ตึกๆ ตึกๆ 

ผมรู้สึกเสียวสันหลังแปลก ๆ คิดในใจ เวลาตี 3 ถนนกลางป่า มืดขนาดนี้ ไม่ใช่คนมาวิ่งแน่ๆ ด้วยความกลัวผมจึงตัดสินใจกลับไปขึ้นรถก่อนใครเพื่อนเลย ขึ้นมานั่งได้ก็ภาวนาในใจขอให้ทุกคนกลับขึ้นมากันเร็วๆ 

หลังจากที่ทุกคนกลับขึ้นรถมาหมดแล้ว ด้วยความที่รถบรรทุกมันหนัก มันจะค่อย ๆ เคลื่อนตัวออกอย่างช้า ๆ กว่าที่จะทำความเร็วได้ก็ใช้เวลาหลายนาทีเลย 

บอกเลยตอนนั้นผมกลัวมาก แต่ด้วยความสงสัย จึงอยากรู้ว่าไอ้สิ่งที่ผมได้ยินนั้นมันยังตามมาอยู่หรือเปล่า ผมจึงมองผ่านกระจกมองข้าง ปรากฏว่าเห็นเป็นผู้หญิงใส่เสื้อสีขาว กางเกงขาสั้นสีขาว กำลังก้มหน้าวิ่งมาที่รถ โชคดีก่อนที่เธอจะเดินมาถึงรถ รถออกตัวเสียก่อน นั่นทำให้ผมรู้สึกโล่งใจขึ้นมา 

รอดแล้วกู!!

เราก็เดินทางมาเรื่อยๆจนมาถึงโรงแรมของลูกค้า ขนลิฟท์ลงเสร็จ เจ้าของโรงแรมก็บอกว่าขอบคุณที่อุตส่าห์เดินทางมาส่งของดึกๆดื่น คืนนี้ก็พักกันที่นี่กันก่อน พรุ่งนี้สาย ๆ ค่อยกลับ เดี๋ยวเปิดห้องฟรีให้ ทุกคนก็แฮปปี้ แล้วเจ้าของโรงแรมก็พาพวกผมทั้ง 5 คนไปที่บังกะโลหลังหนึ่ง ซึ่งมันแยกออกไปจากตัวโรงแรม 

ภาพในหัวตอนนั้นผมคิดว่ามันต้องเป็นห้องระดับหนึ่ง แต่มันกลับไม่ใช่ เพราะเมื่อเปิดประตูเข้าไปในห้องมันไม่มีอะไรเลย เป็นห้องโล่งๆ ว่างเปล่า เตียงไม่มี แอร์ก็ไม่มี เหมือนห้องเก็บของ 

เจ้าของโรงแรมบอกว่ารอสักครู่ เดี๋ยวให้แม่บ้านมาจัดเตรียมห้องให้ พักนึงแม่บ้านก็มา แต่มันแปลกอย่างหนึ่ง คือแม่บ้านยกขโยงกันมา 6 คนเลย ทั้งๆที่แบกแค่ฟูกที่นอนมา 2 อัน จริงๆใช้คนแค่ 4 คนก็พอแล้ว ซึ่งของมันน้อยกว่าจำนวนคนเยอะเลย ผมก็ไม่รู้ว่าเพราะอะไรเหมือนกัน  

หลังจากที่แม่บ้านปูฟูกที่นอนให้เสร็จเรียบร้อย เราก็พยายามไม่คิดอะไร ต่างคนก็ต่างพากันเข้านอนด้วยความเหนื่อยล้า 

ขณะที่ผมกำลังจะหลับ จู่ ๆ ผมก็ได้ยินเสียงคนมาเคาะประตู ก๊อกๆๆ ก๊อกๆ ทำเอาผมสะดุ้งขึ้นมา ตาแข็งเลย 

“ชิหายละ คนอื่นหลับกันหมดยังวะ” 

ผมพยายามหันมองคนอื่นว่าหลับกันหมดหรือยัง จนกระทั่งเห็นพ่อ หันมาส่งสายตาบอกประมาณว่าได้ยินเหมือนกัน คุณพ่อก็เลยลุกไปเปิดประตูออกไปปรากฏว่าเป็นผู้หญิงคนหนึ่ง ใส่ชุดสีขาว กางเกงขาสั้นสีขาว แต่ผมคิดว่าน่าจะไม่ใช่คนคนเดียวกับที่ผมเห็นก่อนหน้านี้ เพราะผู้หญิงคนนี้พูดได้เหมือนคนปกติ เธอพูดว่า

“สวัสดีค่ะ พอดีหนูทำของหายค่ะ ไปช่วยหนูหาหน่อยได้ไหม” 

พ่อก็เลยบอกกับเธอไปว่า โอเคเดี๋ยวไปช่วย แล้วก็พากันไป 3 คน มีพ่อ ลุง และน้องชาย ส่วนผมนอนรออยู่ที่ห้องคนเดียว (ลุงคนขับรถนอนอีกห้อง)  เอาจริง ๆ ผมนอนไม่ค่อยหลับหรอกเพราะในใจก็ยังกลัวอยู่เหมือนกัน คิดจะว่าเมื่อไหร่ทุกคนจะกลับมากัน ได้แต่ภาวนาในใจว่า “กลับมาได้แล้ว กลับมาได้แล้ว” 

ขณะที่ผมกำลังนอนอยู่ สักพักก็ได้ยินเสียงเคาะประตู ผมก็คิดว่าทุกคนกลับมากันแล้ว กำลังจะลุกไปเปิดประตู ปรากฏว่ามีเสียงพูดเข้ามาก่อน 

“สวัสดีค่ะ” 

ผมรู้สึกได้ทันทีว่ามันไม่ใช่แล้ว เพราะมันเป็นเสียงเดิมของผู้หญิงที่มาเรียกก่อนหน้านี้ พ่อผม ลุงผม น้องผมยังไม่กลับมา แต่ทำไมเธอกลับมา 

ผมตัดสินใจไม่ไปเปิดประตู แล้วพยายามข่มใจนอนต่อ แต่เสียงของผู้หญิงคนนั้นก็ยังดังอยู่เรื่อยๆ 

“สวัสดีค่ะ สวัสดีค่ะ สวัสดีค่ะ “

เสียงเธอเริ่มดังวนไปรอบบ้าน เหมือนเธอเดินไปด้วย พูดไปด้วย “สวัสดีค่ะ สวัสดีค่ะ สวัสดีค่ะ” 

เสียงรอบบ้านมันเริ่มดังขึ้นเรื่อยๆ จนผมรู้สึกว่าเสียงนั้นมันดังเข้ามาใกล้ผมเรื่อย ๆ จนได้ยินอยู่ข้างหูผม  เหมือนตอนนี้เธอเข้ามาอยู่ในห้องแล้ว 

“สวัสดีค่ะ สวัสดีค่ะ สวัสดีค่ะ” ดังขึ้นเรื่อยๆ จนผมเริ่มสติแตก ทนอยู่ในห้องนี้ต่อไม่ไหวแล้ว รีบลุกขึ้นไปเปิดประตูวิ่งหนีออกมาจากห้อง จนมาเจอพ่อ ลุงและน้องพอดี ก็เลยบอกกับพ่อว่า “พ่อผมเจอผีในแน่ๆ ผีผู้หญิงคนนั้น ๆ”  พ่อก็พูดกลับมาว่า “เจอเหมือนกันหรอ” ผมก็เลยให้พอเล่าให้ฟังก่อนว่ามันเกิดอะไรขึ้น เราทั้งหมดจึงพากันไปนั่งคุยกันที่ร้านอาหารที่มันมีไฟสว่างสว่างหน่อย 

พ่อเล่าให้ฟังว่าระหว่างที่กำลังเดินตามผู้หญิงคนนั้นไป อยู่ดีๆผู้หญิงคนนั้นก็พูดขึ้นมาว่า “พวกพี่ชอบฟังเรื่องผีกันหรอคะ” ทุกคนก็งงว่าผู้หญิงคนนั้นถามทำไม แล้วเธอก็พูดต่อว่า “สนุกไหมล่ะ ที่พวกมึงฟังเรื่องกู” 

ทุกคนถึงกับยืนนิ่งอยู่ในอาการช็อก แล้วผู้หญิงคนนี้ก็พยายามเดินเข้าหาทุกคน พร้อมกับถามย้ำ ๆ ว่าสนุกไหมเรื่องกู เท่านั้นแหละทุกคนก็เลยพากันวิ่งหนีกระเจิดกระเจิง ระหว่างที่วิ่งหนีอยู่ พ่อก็หันกลับไปมอง ปรากฏว่าเห็นผู้หญิงคนนั้นกำลังวิ่งกลับไปทางบังกะโล!! 

ซึ่งก็เป็นจังหวะเดียวกันกับที่ผมวิ่งหนีมาจากบังกะโล จนมาเจอทุกคนนั่นเอง เท่ากับว่า เธอกลับมาหลอกผมอย่างนั้นหรอ???

แต่ด้วยความเหนื่อยล้า บวกกับยังไม่เช้า ก็ไม่รู้จะทำยังไง เราก็เลยต้องจำใจกลับไปนอนที่บังกระโลต่อ  ข่มใจนอนอยู่ด้วยกัน 4 คนในห้อง จนกระทั่งเช้า จึงไปถามทางโรงแรมว่าแถวนี้เคยเกิดเรื่องอะไรไหม แต่ถ้าโรงแรมก็บอกว่าไม่มี ไม่เคยมีใครตายแถวนี้เลย 

ขากลับเราจึงตัดสินใจไปทำบุญที่วัดแถวนั้น พระเดินเข้ามาเห็นก็ทักที่เลยว่า โดนกันหนักแล้วโยม พระท่านก็ได้ทำการรดน้ำมนต์ให้ หลังจากนั้นก็ขับรถออกเดินทางกลับกัน 

ระหว่างที่เดินทางกลับ ผมหยิบแผ่นซีดี The Shock หนึ่งในสามแผ่นที่ซื้อมาขึ้นมาดู ซึ่งด้านหลังจะมีชื่อเรื่องว่าเรื่องนั้นเรื่องนี้นาทีที่เท่าไหร่ แต่ได้มีอยู่เรื่องหนึ่งชื่อว่า “สวัสดีค่ะ”

ขอขอบคุณที่มา คืนพุธมุดผ้าห่ม คืนที่ 22 เรื่องจากทางบ้าน เรื่อง สวัสดีค่ะ

บทความ Rewrite ห้ามคัดลอก หรือนำไปเล่าลง Youtube หรือ พอดแคสต์

Previous articleบ้านลุงดำ ประสบการณ์หลอน ณ บ้านท้ายสวน
Next articleนางจันทร์ วิญญาณเฮี้ยนทวงลูกไปอยู่ด้วย