ครูวันเพ็ญ

ครูวันเพ็ญ
ครูวันเพ็ญ

โรงเรียนเทศบาลบาลแห่งหนึ่งในอำเภอบางละมุง จังหวัดชลบุรี ช่วงก่อนพักเที่ยงเต็มไปด้วยเสียงหัวเราะเกี๊ยวกร้าว เฟียวฟ๊าวของเด็กๆ โรงเรียนนี้มีครูอยู่ 10 กว่าคน ณ ห้องป.5/2ครูนิดาเป็นครูประจำชั้น เธอกำลังนั่งตรวจงานเด็กอยู่ ซึ่งเธอต้องหยุดอยู่กับเสียงเรียกเสียงหนึ่งดังขึ้น…

ครูนิดาคะ อ้าวครูวัญเพ็ญตรวจงานเด็กอยู่หรอคะ? ค่ะงานเยอะมากครูนิดากล่าว พักนี้ครูวันเพ็ญลางานบ่อยนะคะ อย่าว่าอย่างนู้นอย่างนี้เลยนะคะ เห็นครูเชาว์พูดกับครูเดือนว่า ผอ.ท่านไม่ค่อยพอใจอยู่นะคะ นิว่าครูวันเพ็ญอย่าเพิ่งลางานบ่อยๆเลยนะคะ  

ขอบคุณนะคะครูนิดา คือช่วงนี้ที่บ้านเพ็ญมีปัญหาน่ะค่ะ เพ็ญไม่ได้อยากลาให้เสียงานหรอกคะ แต่มันจำเป็นจริงๆ ค่ะ นิดาเข้าใจครูเพ็ญค่ะ เมื่อคุยกันได้ซักพัก ต่างคนต่างแยกย้ายไปทำหน้าที่ของตนเอง ครูวันเพ็ญเธอจะสอนเกี่ยวกับดนตรีไทยช่วงบ่ายโมงกว่าๆ 

ขณะที่สอนเด็กเล่นระนาดอยู่นั้น ครูทิพย์ซึ่งเป็นครูที่ไม่ค่อยชอบหน้าครูวันเพ็ญสักเท่าไรได้มาเรียกครูวัญเพ็ญ…วันเพ็ญ ผอ. เรียกพบด่วน เรื่องอะไรหรือคะ? ครูทิพย์ฉันจะไปรู้หรอ! 

ไปพบผอ.เดี๊ยวก็รู้เองแหละถามฉัน ฉันจะไปรู้กับเธอมั้ย เธอตอบอย่างไม่ค่อยสบอารมณ์นัก ณ ห้องผอ.ผอ. ให้ครูทิพย์ไปตามดิฉันมามีอะไรหรือคะ ผอ.มองหน้าเธอเล็กน้อยก่อนจะถอนหายใจ ครูวันเพ็ญผมขอพูดตรงๆ เลยนะประสิทธิภาพในการทำงานของคุณน้อยลง คุณลางานได้แทบทุกวัน ครูก็รู้ว่าโรงเรียนของเราต้องการครูที่มีคุณภาพ

ผมจะไม่อ้อมค้อมนะ ผมให้คุณออก ไม่มีคำพูดอ้อนวอนจากปากครูวันเพ็ญมีเพียงน้ำตาใสๆปริ่มออกมา 

ผอ.งั้นงั้นดิฉันขอทำหน้าที่ครูเป็นครั้งสุดท้ายนะคะ ดิฉันขอทำงานอีกวันนะคะ ผอ. ก็ได้พรุ่งนี้คุณทำงานพร้อมเก็บข้าวของของคุณ เธอกับมาสอนเด็กๆตามปกติเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น 

รุ่งเช้าวันต่อมาครูวันเพ็ญเข้าห้องสอนและทำตัวตามปกติ “ครูครับ ทำไมวันนี้ครูใส่ชุดดำละครับ?” “อ๋อเย็นนี้ครูจะไปงานศพนะจ๊ะ” เธอตอบพร้อมใบหน้าเศร้าๆ บรรยากาศการสอนก็เหมือนกับทุกๆวัน เธอไม่ได้บอกกับเด็กๆว่าเธอจะออกจากที่นี่ ยังคงสอนต่อไป เมื่อหมดชั่วโมงสอนครูทิพย์ก็เข้ามา…“วันเพ็ญได้ข่าวมาว่า ผอ.ไล่ออกหรอ เสียใจด้วยนะแต่จะทำไงได้ละเธอทำตัวเอง” สิ้นเสียงพูดครูทิพย์ก็เดินออกจากห้องไป ขณะที่เดินออกจากห้องดนตรีไทย ครูนิดาเดินเข้ามาพอดี “อ้าวครูนิดามาปรอบครูวันเพ็ญหรอคะ อยู่ในห้องอ่ะค่ะคงทำใจไม่ได้จู่ๆก็ถูกไล่ออกเฮ่อ น่าสงสาร” พูดจบเธอก็เดินจากไป 

ในห้อง “ครูวันเพ็ญครูคะ นิดรู้เรื่องครูแล้วนะคะ ครูต้องเข็มแข็งนะคะ ครูเป็นครูที่ดียังไงคนดีตกน้ำไม่ไหลตกไฟไม่ไหม้หรอกค่ะ” ครูนิดาปลอบใจ “ฉันไม่เป็นไรหรอกค่ะ ครูนิดาขอบคุณนะคะที่ครูดีกับฉันมาตลอดขอบคุณจริงๆ” เวลาผ่านไปถึงเวลาเลิกเรียน ขณะที่ภารโรงปิดห้องอยู่นั้น “อ้าวครูวัณเพ็ญยังไม่กลับอีกหรอครับ” “เพ็ญขอตรวจงานให้เสร็จก่อนน่ะค่ะ ลุงคะเดียวเพ็ญปิดห้องให้เองค่ะ” “ครับงั้นผมรบกวนครูด้วยนะครับ” พูดจบภารโรงก็เดินจากไปเหลือแต่ครูวันเพ็ญในห้องดนตรีไทย 

พอถึงเช้ารุ่งขึ้นอีกวัน เมื่อภารโรงเปิดห้องจนมาถึงห้องดนตรีไทย “นี่ครูวันเพ็ญไม่ได้ล็อคห้องให้เราหรือนนี่ นี่ถ้าของหายขึ้นมาผมไม่ซวยแย่หรอนี่” บ่นเสร็จภารโรงถึงกับผงะ หงายท้องตรึง เมื่อเงยหน้อขึ้นก็ได้พบกับร่างไร้วิญญานของครูวันเพ็ญอยู่กลางห้องตรงขื่อ พระเจ้าแทบสิ้นสติภารโรงไม่รอช้า รวบรวมสติวิ่งไปบอกพวกอาจารย์ที่มาถึงเพียงไม่กี่คน 

พอหลังจากเสร็จสิ้นงานศพครูวันเพ็ญเรียบร้อย ห้องดนตรีก็ถูกปิดตาย จนเวลาผ่านไปถึงสองเดือนเสษ ได้มีครูคนใหม่เข้ามาสอนแทนครูวันเพ็ญชื่อครูสุนี พอมีครูคนใหม่เข้ามาผอ.จึงเปิดห้องดนตรีไทยอีกครั้ง และให้ทุกคนปิดเรื่องการตายของครูวันเพ็ญ การเรียนการสอนเป็นไปอย่างราบรื่นดี

จนกระทั่งครูสุนีสั่งให้เด็กๆทำความสะอาดห้อง จนเธอไปพบระนาดของครูวันเพ็ญเข้า เธอจึงคิดที่จะใช้เป็นเครื่องสอนประจำตัว และเหตุการณ์แปลกก็ได้เริ่มเกิดขึ้นกับเธอในขณะที่เธอสอนอยู่นั้น จู่เสียงระนาดตัวน้ันก็ดังขึ้น ทำเอาเด็กในห้องแตกตื่น ชวนขนลุกผวาไปตามๆกัน 

วันต่อมาครูสุนีครูคนใหม่ก็ได้เจอเข้ากับตัวเอง ระนาดที่เธอเล่นอยู่นั้นจู่ๆสายก็ขาด เธอจึงเดินค้นหาสายระนาดเพื่อที่จะเปลี่ยนใหม่

เธอเดินหาวนรอบๆห้องอยู่สักพัก และเมื่อเธอหันกับมาที่เดิม ที่ระนาดตัวนั้นเธอแท็บจะช็อก หัวใจได้เธอหล่นมาอยู่ที่ตาตุ่มแล้ว ผู้หญิงผมยาวชุดสีดำนั่งเล่นระนาดแล้วค่อยๆหันหน้ามาหาเธอหน้าตาซีดยังกับศพสแยะยิ้มตาลึกโบ๊ ทำเอาครูสุนีสลบเหมือดไปในทันที เดือดร้อนเด็กๆต้องช่วยเอายาลมยาหม่อง และเมื่อครูสุนีฟื้นขึ้นมามีสติก็เริ่มสงสัยว่าผู้หญิงคนนี้เป็นใครเกี่ยวข้องอะไรกับระนาดตัวนั้น เธอจึงไปถามครูหลายๆคนแต่แทบจะไม่มีใครจะให้คำตอบเธอได้เลยสักคน

เธอจึงไปถามภารโรง แต่ทีแรกภารโรงก็ทำท่ากระอ้อมกะแอ้มไม่กล้าบอกครูสุนีจึงยัดเงิน 1000 บาทเพื่อเป็นค่าเสียเวลา เมื่อภารโรงพูดจบประโยค ครูสุนีพอได้รู้ความจริงเธอถึงกับเข่าอ่อนอีกครั้ง ด้วยความที่สงสารปนความน่ากลัวจากภาพสยดสยองที่เธอได้เห็นกับตาตัวเอง ห้องดนตรีไทยคือที่จบชีวิตของครูวันเพ็ญ เธอผูกคอตายใกล้ๆระนาดเอกของเธอ ครูสุนีไม่คิดอยากจะสอนที่นี่ต่อจึงขอลาออกทันที เย็นวันเดียวกันนั้นเมื่อนักเรียนกลับกันหมด

เหลือแต่ผอ.และครูทิพย์ 2 คนได้พูดคุยถึงผีครูวันเพ็ญสักพัก ก็ได้ยินเสียงระนาดดังขึ้นมาจากทางห้องนั้น เป็นห้องเดียวกับห้องที่ครูวันเพ็ญได้ผูกคอตาย ผอ.จึงชวนกันไปดูอย่างกล้าๆกลัวๆ จนมาถึงในห้องดนตรีไทย ทั้งสองต้องผงะตาโบกโพน ครูทิพย์ถึงกับกรี๊ดฟังไม่ได้ศัพท์ ผอ.ยืนตังเกร็งเหมือนถูกสาปให้กลายเป็นหินยังไงยังงั้น เพราะทั้งคู่ได้เจอกับร่างครูวันเพ็ญห้อยโหนลงมาต่อหน้าลงมาสแยะยิ้ม เหมือนที่ยิ้มให้ครูสุนี เมื่อทั้งสองตั้งสติได้เพียงน้อยนิด จึงพากันวิ่งหนีสุดชีวิต เพื่อที่จะออกจากห้องดนตรีไทยห้องนั้น

แต่ไม่ทันไรนั้นเองประตูเจ้ากรรม ถูกปิดอัตโนมัติ เสียงกรีดร้องของทั้งสองชวนน่าสะพรึงกลัวยิ่งนัก จนผ่านไปจนถึงรุ่งเช้าทุกคนในโรงเรียนมาเห็นภาพทั้งสอง ผอ.กับครูทิพย์ต่างก็พาเวทนากัน ผอ.เพ้อตลอด อย่า…ผมกลัวแล้วครูเพ็ญผมขอโทษ ส่วนครูทิพย์บัดนี้กลายเป็นคนบ้าเสียสติไปเสียแล้ว

ที่มา singit4theworld,ชมรมขนหัวลุก

Previous articleยะลา โรงแรมร้าง
Next articleยุติการเผยแพร่